เวียดนามเล็งพัฒนา 'เงินดิจิทัล' รับกระแสสังคม 'ไร้เงินสด'
เวียดนามเล็งพัฒนา'เงินดิจิทัล'รับกระแสสังคม'ไร้เงินสด' หลังจากห้ามประชาชนในประเทศลงทุนสกุลเงินคริปโตมานานหลายปี
หลังจากประกาศห้ามประชาชนในประเทศลงทุนสกุลเงินดิจิทัลหรือสกุลเงินเสมือนจริงมานานหลายปี รวมทั้งออกประกาศเตือนว่า สกุลเงินคริปโตอาจทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ แต่ล่าสุด รัฐบาลเวียดนามมีคำสั่งให้ธนาคารกลางทำการศึกษาและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง หวังควบคุมการลงทุนในระบบการเงินที่รัฐบาลมองว่าไม่มีตัวกลางนี้มากขึ้น หลังจากประชาชนจำนวนมากเข้าไปลงทุนในสกุลเงินคริปโตตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19
ช่วงปลายเดือนที่แล้ว เวียดนาม ได้รับรองมตินายกรัฐมนตรีที่ 942 กำหนดให้ธนาคารกลางเวียดนามทำการศึกษา พัฒนา และนำร่องการใช้สกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี บนเทคโนโลยีบล็อคเชน เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างเสริมศักยภาพด้านดิจิทัลของรัฐบาลเวียดนามภายในปี 2573
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลเวียดนามมีขึ้นหลังจากจีน สั่งขยายการกวาดล้างเหมืองขุดเงินคริปโตเคอเรนซีในมณฑลเสฉวนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งการขุดเงินคริปโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในจีน และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตบิทคอยน์ทั่วโลก แต่สภาแห่งรัฐหรือครม.ของจีนยืนยันว่า จะปราบปรามเหมืองขุดบิทคอยน์ รวมถึงการซื้อขาย อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน
ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหราชอาณาจักร(เอฟซีเอ)ประกาศให้บริษัทในเครือไบแนนซ์ (Binance) ผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงินคริปโต ระงับการดำเนินงานบางประเภท ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินกิจกรรมที่มีการควบคุมในสหราชอาณาจักรได้ พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนระวังโฆษณาชวนเชื่อที่ระบุว่าจะได้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินคริปโต และออกคำสั่งให้บริษัทในเครือยุติการโฆษณาทุกประเภทภายในวันที่ 30 มิ.ย ที่ผ่านมา
ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัล ยังไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายของเวียดนาม แต่ชาวเวียดนามให้ความสนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผลสำรวจของสตาติสตา ซึ่งเป็นฐานข้อมูลด้านสถิติระดับโลก ระบุว่าเวียดนามติด 1 ใน 3 ประเทศที่มีสัดส่วนผู้ที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลต่อประชากรมากที่สุดในโลก
ส่วนไบแนนซ์ แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในโลกก็ระบุว่า เวียดนามเป็นติด 1 ใน 10 ประเทศที่ใช้งานไบแนนซ์มากที่สุดในโลก
“บินห์ เหงียน ถ่านห์” จากฟินเทค-คริปโต ฮับมหาวิทยาลัย RMIT ให้ความเห็นว่า การสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองช่วยสร้างความเป็นไปได้ให้ทางการเข้าไปกำกับดูแลระบบการเงินดิจิทัลได้มากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในมือแพลตฟอร์มไร้ตัวกลาง หรือบริษัทเอกชน
“ผมคิดว่ารัฐบาลเวียดนามศึกษาเรื่องนี้จากประเทศอื่นๆ เช่นกัมพูชาเปิดตัวเหรียญดิจิทัลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ขณะที่เพื่อนบ้านอื่นๆตั้งแต่จีนถึงประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้เช่นกัน”นายบินห์ กล่าว
ด้าน“ฮุน ฟก เงี๊ยะ” รองผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์โฮจิมินห์ ซิตี้ กล่าวว่า โครงการนำร่องคริปโทเคอร์เรนซีจะช่วยให้รัฐบาลค้นพบข้อดีและข้อเสีย ในขณะเดียวกันก็สามารถพัฒนากลไกการจัดการที่เหมาะสมได้ โดยปัจจุบันการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดเพิ่มขึ้นในเวียดนาม ซึ่งการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลโดยธนาคารกลางจะช่วยเร่งกระบวนการนี้ เนื่องจากเงินดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกวันนี้ สกุลเงินดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และเยน มีอิทธิพลต่อตะกร้าสกุลเงินโลกและการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น แต่ในการแข่งขันเพื่อพัฒนาและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มีโอกาสที่ประเทศอย่างเวียดนาม จะเติบโตและเป็นประเทศที่มีอิทธิพลรายใหม่ต่อระบบการเงินโลก