‘เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง’ ชูกองทุนเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐ
‘เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง’ เผยมุมมองเชิงบวกและโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญหลังจากการประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ฉบับใหม่ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ผ่านกองทุนK-GINFRA กองทุนK-HIT และ กองทุน K-CLIMATE ชูผลตอบแทน10-11%
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แผนการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้หลายธุรกิจกลายเป็นผู้ชนะ อันเนื่องมาจากการอัดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เข้าสู่ระบบเพื่อนำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้มีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และเหล็กกล้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงความต้องการบริการอื่นๆ ในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิต จำหน่าย ให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง บริษัทขนส่งพลังงาน รวมถึง ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร โดยมองว่ากองทุน K-GINFRA ผ่านกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds Global Infrastructure, Class Z (USD) ที่เน้นการลงทุนในสหรัฐฯกว่า 40% จะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากแผนครั้งนี้
พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเกาะกระแสเมกะเทรนด์ ผ่านกองทุน K-HIT โดยล่าสุดมีสัดส่วนการลงทุนในบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการอัดเม็ดเงินเข้าไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ ถึง 15% และมีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนหากมองเห็นโอกาสการลงทุนในอนาคต
กองทุน K-HIT เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพในการปรับตัวและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของโลกในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปลงทุนในธีมที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจใหม่ รวมไปถึงธุรกิจในห่วงโซ่การผลิตทั้งหลาย ซึ่งจะปรับตัวกลับมาโดดเด่นภายใต้แผนการลงทุนฉบับใหม่ของไบเดน เช่น แผนที่จะเพิ่มเครือข่ายสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 500,000 จุดทั่วสหรัฐฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ให้ดีขึ้น รวมไปถึงบริษัทผู้จัดหาวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีดังกล่าว ก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน อาทิ บริษัทผู้ติดตั้งซอตท์แวร์ให้กับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจาก K-GINFRA และ K-HIT แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับประโยชน์ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ กองทุน K-CLIMATE ที่เน้นการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ธุรกิจมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) และะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแผนงานของปธน. โจ ไบเดน ที่จะต้องใช้วัสดุต่างๆ ในการก่อสร้าง และต้องเป็นวัสดุที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ รวมถึงบริษัทที่ผลิตวัสดุเหล่านี้ก็ต้องเน้นการผลิตเพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุดด้วย ในขณะเดียวกันก็ต้องได้วัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งกองทุนเองก็มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง และสาธารณูปโภค
โดยกองทุน K –GINFRA K-HIT และ K-CLIMATE มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ที่ +11.4%, +11.7% และ +10.6% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2564)