เผยยอดประเมินใช้'วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า'ใน2เดือน
คร.ประเมินฉีดวัคซีนสลับชนิดมีวัคซีนเพียงพอ คาดว่า ก.ค.-ส.ค. จะใช้วัคซีนแอสตร้าฯ ภาพรวมของประเทศ 8 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคยามเพียงพอของวัคซีนแอสตร้าฯหากมีการฉีดสลับชนิดเป็นซิโนแวค เข็มที่ 1 และฉีดเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ว่า จากการประเมินคาดว่าวัคซีนมีความเพียงพอ แต่ขอให้ทุกคนทำตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่าเลือกวัคซีนเอง จากการคำนวณคาดว่า ในเดือน ก.ค.-ส.ค. จะใช้วัคซีนแอสตร้าฯ ในภาพรวมของประเทศประมาณ 8 ล้านโดส โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุมากกว่า 50% แล้ว นอกจากนั้น สัปดาห์นี้ก็ได้ทุ่มวัคซีนลงไปเพิ่มอีก 1 ล้านโดส ฉะนั้น กทม. จะได้รับวัคซีนเยอะแล้ว ต่อไปก็จะเป็นปริมณฑลและได้ต่างจังหวัดต่อไป โดยขณะนี้กรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนอห่งชาติ กำลังเจรจากับผู้ผลิตในการกำหนดสัดส่วนวัคซีนที่มากขึ้น เนื่องจากวัคซีนไม่ใช่ของที่ผลิตไว้อยู่แล้ว แต่เป็นการผลิตไปส่งมอบไป
ต่อข้อถามความเป็นไปได้กรณีบริษัทวัคซีนฯ จะหาจากแหล่งผลิตอื่นส่งมาให้ประเทศไทยแทนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ความต้องการของวัคซีนมีสูงมาก ช๊อตทั่วโลก เพราะต่างยังต้องใช้วัคซีนในปริมาณมาก ก็อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้การฉีดวัคซีนตามจุดฉีดต่างๆ จะยังมีการใช้วัคซีนซิโนแวค 2 เข็มหรือไม่ หรือให้สลับชนิดทุกแห่ง นพ.โอภาส กล่าวว่า หากทุกคนเห็นพ้องกัน ก็จะปรับ และจะไม่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ยกเว้นมีความจำเป็น อย่างเช่น นักเรียนที่จะต้องบินไปประเทศจีน ก็จะต้องฉีดวัคซีนซิโนแวค ตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง ซึ่งในการบันทึกประวัติการฉีดจะเป็นเข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตร้าฯ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการรับรองของประเทศ และกฎสากลยังไม่มีว่าจะต้องฉีดวัคซีนยี่ห้อใด
"การจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะขึ้นอยู่กับการกำหนดกฎเกณฑ์ของประเทศปลายทาง ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มี อย่างเช่นบางประเทศฉีดวัคซีน 1 เข็มก็สามารถเดินทางได้แล้ว ซึ่งเขาก็อาจดูการระบาดจากประเทศต้นทางด้วย" นพ.โอภาส กล่าว