นายกฯ เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่เทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในเอเชีย
“พล.อ.ประยุทธ์” เป็นประธานเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของ GPSC ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง
วันนี้(19 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานพิธีเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมร่วมกิจกรรมชมพื้นที่กระบวนการผลิตภายในโรงงาน และ Battery Experience Center
โดยระบุว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับประเทศไทยในการเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานที่จะตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่การนำพาประเทศเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ในอนาคต ด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกทางด้านพลังงานซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ โดยประเทศส่วนใหญ่ในโลกได้ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ในปี ค.ศ.2050 ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้เร่งผลักดันแผนพลังงานแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการกกำหนดเป้าหมายในความเป็นกลางทางคาร์บอนและการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้สอดรับกับทิศทางด้านพลังงานของประเทศอื่นๆทั่วโลก และที่สำคัญต้องสอดรับกับเป้าหมายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย
ปัจจุบัน จะเห็นได้ชัดว่ามีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ตามท้องถนนมายิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ราคาของรถที่ที่ลดลง การเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น และเทคโนโยลีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้ามีมากขึ้น การส่งเสริมให้พัฒนาอุตสาหกรรมให้รองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาจึงได้กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศเพื่อจูงใจให้ภาคเอกขนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ
การเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่มีความทันสมัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียฯครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยรักษาจุดยืนการเป็นผู้นำฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาคและต่อยอดเปลี่ยนผ่านตัวเองเข้าสู่เทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียน
“ผมเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงและสนับสนุนกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมไปถึงความร่วมมือกันของพันธมิตรไทยและต่างประเทศจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมด้านพลังงานของประเทศ พร้อมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากลได้อย่างเป็นรูปธรรมและทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ดำเนินการในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อปัจจุบันและในอนาคต รัฐบาล และภาคเอกชน จะต้องไม่หยุดยั้งในการทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ถึงแม้ว่า จะกำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ประเทศไทยยังต้องเดินหน้าไปในหลายกิจกรรมด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้ที่เพียงพอ มีรายได้สูง ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นด้วยนวัตกรรม สิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย และยินดีที่โรงงานแบตเตอรี่แห่งนี้จะเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียฯ ก็จะเป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งหากเรื่องนี้ไทยเป็นผู้นำได้ เรื่องอื่นๆก็จะตามมาอีก ก็ขอฝากให้ทุกคนไม่หยุดยั้งที่จะคิดอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศไทยในอนาคต
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กล่าวว่า โรงงานแบตเตอรี่แห่งนี้ ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียฯ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ชั่วโมง(MW) ด้วยทุน 1,100 ล้านบาท และในอนาคตจะขยายขึ้นเป็น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh)ต่อปี ตามเป้าหมายของ GPSC ที่จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ตามนโยบายของบริษัทแม่ คือ ปตท. ซึ่งคาดหวังว่า โรงงานแห่งนี้ จะเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต และสนับสนุนการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ตามเป้าหมายของรัฐบาล
