ผู้ผลิตวัคซีนโควิด19ทุกตัวกำลังพัฒนา'รุ่น2'สู้ไวรัสกลายพันธุ์
สธ.เตรียมการจัดหาวัคซีนโควิด19ของปี 65 จำนวน 120 ล้านโดส เชิญ 6 บริษัทตัวแทนผู้ผลิตวัคซีนโควิด19 ระบุกำลังพัฒนาวัคซีนรุ่น 2 เพิ่มประสิทธิภาพสู้ไวรัสกลายพันธุ์มากขึ้น เผยมีการติดต่อโนวาแวกซ์-Abdala 2บริษัทผลิตวัคซีนชนิดใหม่แล้ว
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ก.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงภายหลังการหารือร่วมกับ 6 บริษัทผู้แทนนำเข้าวัคซีนโควิด19ชนิดต่างๆในประเทศไทยนานเกือบ 3 ชั่วโมง ว่าา จากที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ(บอร์ดวัคซีน)มีมติให้จัดหาวัคซีนโควิด19 สำหรับปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดสนั้น จึงมีการเชิญผู้แทนทั้ง 6 บริษัทเข้าหารือ โดยทุกบริษัทได้รายงานความก้าวหน้า ในวัคซีนที่ตัวเองรับผิดชอบหรือผลิต โดยเฉพาะการพัฒนาปรับปรุงวัคซีนในรุ่นต่อไป เพราะเชื้อไวรัสโควิด 19 มีการกลายพันธุ์ ทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนแต่ละชนิดลดลง ซึ่งแต่ละบริษัทแจ้งว่ากำลังพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์ได้มากขึ้น
อีกทั้ง พูดคุยระบบการจำหน่ายและซัพพลายแนวโน้มเป็นอย่างไร จัดหาได้ในช่วงไหนอย่างไร รวมถึงสอบถามในเรื่องจำนวนที่จะเจรจาซื้อขายในปี 2565 เป็นต้น รวมถึงทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนรูปแบบใหม่ๆ เช่น การกระตุ้นบูสเตอร์โดส ซึ่ง 6 รายแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ สธ.และสถาบันวัคซีนแห่งชาติประเด็นต่างๆ ครบถ้วน ได้สิ่งที่มีประโยชน์ ต่างฝ่ายจะนำเอาข้อมูลที่ได้ไปปรึกษาหารือและมีการเจรจาเรื่องการจองวัคซีนต่อไป จะรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ
นอกจากนี้ อภ. ยังได้นำผลการวิจัยวัคซีนโควิด 19 ชนิดเชื้อตาย ที่มีการปรับปรุงสายพันธุ์ ซึ่งผ่านการทดลองระยะที่ 1 ในมนุษย์แล้ว และกำลังทดลองผ่านระยะที่ 2 ในมนุษย์ ก็มารายงานความก้าวหน้า ซึ่งเป็นที่น่ายินดีถ้าจะพัฒนาวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศเองได้ก็เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคในอนาคต หวังว่าจะสามารถต่อสู้กับเชื้อที่กลายพันธุ์ตลอดเวลาได้ ส่วนประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับเดลตา เบตา อย่างไรก็ต้องรอผลการศึกษาอีกครั้ง และสุดท้ายพูดคุยเรื่องการจัดหาวัคซีนชนิดอื่นๆ นอกจาก 6 รายนี้ในต่างประเทศ ก็จะเชิญมาประชุมครั้งต่อไปและรายงานความคืบหน้า
เมื่อถามว่ากำหนดสัดส่วนการจัดหาวัคซีน 120 ล้านโดสในปีหน้าหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า วันนี้เป็นการแจ้งบริษัทที่เกี่ยวข้องที่มีในประเทศไทยให้ทราบว่า เรามีเป้าหมายหาวัคซีน 120 ล้านโดส และมอบการบ้านว่าจะสามารถส่งซัพพลายให้ประเทศไทยได้เท่าไร จะประชุมหารือกันอีกหลายครั้ง
ถามถึงวัคซีนแพลตฟอร์มโปรตีนซับยูนิต อย่างของโนวาแวกซ์ ของอเมริกา หรือ Abdalaของคิวบา มีการเจรจาบ้างหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ปรึกษาหารือและพูดคุยในเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้เข้ามาร่วมประชุมหารือ ก็คงเป็นลำดับถัดไป จะมีการหารือและพูดคุยทั้งทางอีเมลติดต่อและการคอนเฟอเรนซ์อยู่เป็นระยะ ถ้าพร้อมก็คงจะนำเข้ามาต่อไป
ถามว่าที่มีการบอกจะจองซื้อไฟเซอร์เพิ่มอีก 50 ล้านโดสในปีหน้าแน่ชัดแล้วหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า เป็นขั้นตอนการเจรจาที่ให้ข้อมูลว่าความต้องการเท่าไร หรือเขาส่งข้อมูลมาว่าเสนอยอดให้ไทยได้เท่าไร อยู่ในขั้นตอนการเจรจา เช่นเดียวกับทุกบริษัทให้เห็นตัวเลข 120 ล้านโดส แต่ละบริษัทไปทำการบ้านมาว่า ถ้าไทยต้องการวัคซีนจำนวนขนาดนี้ในเจนเนอเรชันใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ จะมีโอกาสหรือบริษัทจะหาวัคซีนมาให้เราได้เท่าไรในช่วงเวลาไหน
เมื่อถามถึงประเทศที่จะขอแลกเปลี่ยนวัคซีนโควิดแต่เปลี่ยนมาเป็นบริจาคมีการตกลงเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีคร. กล่าวว่า นอกจากญี่ปุ่นที่เคยบริจาคมาแล้ว 1.05 ล้านโดส มีอีกราว 2 ประเทศที่กำลังหารือ โดยประเทศผู้ที่จะบริจาคขอเป็นผู้ประกาศก่อนในสัปดาห์หน้า ขอให้อดใจรอ แต่มีความเป็นไปได้สูง
สำหรับ 6 บริษัท ประกอบด้วย จำนวน 6 ราย ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย จำกัด) ผู้นำเข้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า , บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ , บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา , บริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน , บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มและวัคซีนของบารัต และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มานำเสนอในส่วนของการวิจัยวัคซีนของอภ.เอง