คิกออฟ หนุนเกษตรกรปลูกฟ้าทะลายโจรป้อนสาธารณสุข
“อนุทิน” ลงแปลงปลูกฟ้าทะลายโจร จังหวัดอุทัยธานี เตรียมผลักดันสหกรณ์เป็นแหล่งปลูกสมุนไพรป้อนกระทรวงสาธารณสุข หลังกระแสความต้องการฟ้าทะลายโจรมีแนวโน้มสูงขึ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวโครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร (ฟ้าทะลายโจร) สู้ภัยโควิด-19 ณ แปลงปลูกฟ้าทะลายโจร ของสหกรณ์ปฏิรูป ที่ดินระบำ จำกัด ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พร้อมเผยว่า ต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกฟ้าทะลายโจรเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับกระทรวงสาธารณสุขที่มีความต้องการวัตถุดิบจำนวนมาก แต่ขณะนี้ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงได้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านทาง นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ผลักดันสหกรณ์การเกษตร ในพื้นที่ต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการส่งเสริมปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อนำไปผลิตยาสมุนไพร เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด–19 โดยให้จับมือกันระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับกรมการแพทย์แผนไทย ในการดำเนินโครงการนี้ร่วมกัน
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดรับสหกรณ์ที่สนใจร่วมโครงการส่งเสริมปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ขณะนี้มีสหกรณ์ ใน 8 จังหวัดแจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยวางแผนพื้นที่ปลูกฟ้าทะลายโจรเกือบ 100 ไร่ ซึ่งจังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดนำร่อง พื้นที่รวม 10 ไร่ และวันนี้ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวครั้งแรกที่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด อำเภอลานสัก จำนวน 4 ไร่ ส่วนในระยะต่อไป จะมีการขยายพื้นที่ปลูกฟ้าทะลายโจรในสถาบันเกษตรกร เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในทุกภูมิภาค ซึ่งมีสถาบันเกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้ว 52 สหกรณ์ใน 11 จังหวัด
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการปลูกฟ้าทะลายโจร จะกระจายอยู่ทุกภาค ซึ่งหลังจากได้สหกรณ์ที่เข้าโครงการแล้ว กรมฯจะชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ และเน้นย้ำให้สหกรณ์ผลิตพืชสมุนไพรปลอดสารเคมี อย่างไรก็ตามกรณีสหกรณ์ที่เข้าโครงการต้องการเงินทุนเพื่อส่งเสริมอาชีพการปลูกฟ้าทะลายโจรให้กับสมาชิก กรมจะจัดเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ให้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 เพื่อใช้ในการตั้งต้นเข้าโครงการ ซึ่งกรมคาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมให้กับสมาชิกสหกรณ์ได้ดี เนื่องจากเป็นสมุนไพรคุณภาพ และคาดหวังว่าหากสหกรณ์สามารถผลิตได้คุณภาพ อนาคตหลายสหกรณ์จะเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรปลอดสารได้อีกจำนวนมาก และจะสามารถเป็นทั้งแหล่งผลิตและแหล่งท่องเที่ยว ส่งผลต่อรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรพร้อมจะสนับสนุนต้นกล้าพันธุ์ฟ้าทะลายโจรให้กับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมพันธุ์ ฟ้าทะลายโจรไว้ 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์พิจิตร 4-4 และพิษณุโลก 5-4 จำนวน 800,000 ต้น และจะมอบให้จังหวัดอุทัยธานี นำไปปลูกเป็นจังหวัดแรก จำนวน 24,000 ต้น และที่เหลือจะกระจายไปยังสหกรณ์เป้าหมาย อีก 9 จังหวัด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับสมาชิก คาดว่าจะลงมือปลูกได้ช่วงปลายสิงหาคมนี้ครบทั้ง 10 สหกรณ์ ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน จะได้ผลผลิตฟ้าทะลายโจรแบบแห้ง เฉลี่ย 700 กก./ต่อไร่ คาดว่าผลผลิตรวมทั้งหมดที่สหกรณ์ผลิตได้ในปีนี้ ประมาณ 56,000 - 70,000 กก. นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังได้เตรียมทำแปลงขยายเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร สำหรับแจกจ่ายให้กับประชาชนที่สนใจ เพื่อส่งเสริมการขยายพื้นที่เพาะปลูกฟ้าทะลายโจรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2565 กรมฯมีแผนที่จะเพาะเมล็ดพันธุ์อีกประมาณ 400 กิโลกรัม พร้อมสำหรับแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการปลูกฟ้าทะลายโจร ซึ่งเมล็ดพันธุ์ 400 กิโลกรัมนี้ สามารถนำไปปลูกได้ในพื้นที่ 27,000 ไร่
สำหรับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ต้องการขอรับการสนับสนุนพันธุ์ฟ้าทะลายโจร กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมต้นพันธุ์ฟ้าทะลายโจรไว้ 100,000 ต้น โดยในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่เปิดตัวโครงการส่งเสริม การปลูกพืชสมุนไพร (ฟ้าทะลายโจร) สู้ภัยโควิด-19 ทางกรมวิชาการเกษตรได้เปิดสั่งจองต้นพันธุ์ฟ้าทะลายโจร คนละ 5 ต้น โดยเปิดให้จองผ่านทางเว็บไซต์ www.doa.go.th ตั้งแต่วันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564 นี้ และจะแจกจ่ายต้นพันธุ์ฟ้าทะลายให้ผู้ที่สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 เป็นต้นไป และได้กำหนดจุดรับต้นพันธุ์กระจายไปตามจังหวัดต่าง ๆ พร้อมนี้ยังได้จัดทำคู่มือการปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อให้ทุกคนสามารถ ดาวโหลดผ่านทางเว็บไซต์ www.doa.go.th ด้วยเช่นกัน