ศบค. เห็นชอบ 'Factory Sandbox' นำร่อง 4 จังหวัด
ศบค. เห็นชอบมาตรการ 'Factory Sandbox' นำร่อง 4 จังหวัด นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี รักษาเสถียรภาพ ส่งออก 700,000 ล้านบาท
วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีการประชุมเมื่อเวลา 13.30 น. โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ มาตรการควบคุมพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่อง การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox)
- การดำเนินงาน
1. กระทรวงอุตสาหกรรรม ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินมาตรการ Bubble & Seal ในสถานประกอบการ
2. กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการ Factory Sandbox
3. หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้การสนบัสนุนและร่วมดำเนินการ
4. ศบค. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบการ และโรงงานอุตสาหกรรม
- รักษาเสถียรภาพส่งออก 7 แสนล้าน
ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ Factory Sandbox ได้แก่ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในภาคการผลิตส่งออก ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 700,000 ล้านบาท ป้องกันคลัสเตอร์โรงงานจากการติดเชื้อ สร้างสมดุล ระหว่างมาตรการทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจ ของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่ง ณ ปัจจุบันระบบ Supply Chain ของประเทศคู่แข่งกำลังปิดตัวลง และ รักษาระดับการจ้างงาน ในภาคการผลิตส่งออกสำคัญได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง
- นำร่อง 4 จังหวัด แรงงาน 474,109 คน
สถานประกอบการที่เข้าเกณฑ์โครงการ Factory Sandbox ในเฟสแรก 4 จังหวัด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นสถานการประกอบการภาคการผลิตส่งออกที่มีจำนวนผู้ประกันตนเกิน 500 คน ขึ้นไป ผู้ประกันตนในสถานประกอบ 4 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 474,109 คน มีดังนี้
1. นนทบุรี
- จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 21 แห่ง จากทั้งสิ้น 20,260 แห่ง
- จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 19,600 ราย จากทั้งสิ้น 351,474 ราย
- จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 2,596 ราย
2. ปทุมธานี
- จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 76 แห่ง จากทั้งสิ้น 18,397 แห่ง
- จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 107,681 ราย จากทั้งสิ้น 443,822 ราย
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 4,073 ราย
3. สมุทรสาคร
- จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 107 แห่ง จากทั้งสิ้น 11,821 แห่ง
- จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 152,047 ราย จากทั้งสิ้น 441,307 ราย
- จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 2,801 ราย
4. ชลบุรี
- จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 183 แห่ง จากทั้งสิ้น 23,996 แห่ง
- จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 194,781 ราย จากทั้งสิ้น 734,065 ราย
- จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 32,798 ราย
- สถานประกอบการ สนใจ เข้าร่วม เฟสแรก
นนทบุรี จำนวน 8 แห่ง รวมลูกจ้าง 6,559 ราย
ปทุมธานี จำนวน 19 แห่ง รวมลูกจ้าง 49,407 ราย
สมุทรสาคร จำนวน 12 แห่ง รวมลูกจ้าง 51,354 ราย
ชลบุรี จำนวน 21 แห่ง รวมลูกจ้าง 31,075 ราย
- 3 จังหวัด Factory Sandbox เฟส 2
อยุธยา
ฉะเชิงเทรา
สมุทรปราการ
- เงื่อนไขโรงงานเข้าร่วม
1. สถานประกอบกิจการที่ผลิตเพื่อการส่งออก
2. อยู่ในจังหวัด ชลบุรี นนทบุรี สมุทรสาคร ปทุมธานี อยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ
3. มีลูกจ้างตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
4. ต้องดำเนินการ FAI (Factory Accommodation Isolation) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5
5. ดำเนินการ Bubble and Seal โดยกำหนดให้ลูกจ้างเดินทางกลับที่พักโดยตรงไม่แวะระหว่างทาง และอยู่แต่ในเคหะสถานเท่านั้น
6. ตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR จำนวน 1 ครั้งให้ลูกจ้างทั้งหมด และตรวจแบบ Self-ATK (Antigen Test Kit) ทุก 7 วัน
7. ฉีดวัคซีนให้ลูกจ้างที่ตรวจ Swab Test ทุกคน ยกเว้นคนที่ติดเชื้อฯ ให้เข้ารับการรักษา ส่วนค่าบริการฉีดวัคซีนสถานประกอบการต้องเป็นผู้จ่ายให้แก่สถานพยาบาล
8. สถานประกอบการทำหนังสือยินยอมดำเนินการตามแนวทางของสถานกระทรวงแรงงานและจังหวัด