สส.สตม. รวบแก๊งต่างชาติ ฟอกเงินยาเสพติด แก๊งทวงหนี้ หลอกขายของออนไลน์

สส.สตม. รวบแก๊งต่างชาติ ฟอกเงินยาเสพติด แก๊งทวงหนี้ หลอกขายของออนไลน์

สส.สตม. เอาจริง รวบแก๊งต่างชาติ ฟอกเงินยาเสพติดข้ามชาติ , หลอกขายของออนไลน์ , ชวนลงทุน และ แก๊งทวงหนี้

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.

162935858588

ได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม จอห์นเด็ก หรือ MR.NAVJOT (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 195/2563 ลง 9 ก.ค.63

ข้อหา “ฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ซึ่งนายจอห์นเด็ก นั้นเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2562 ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน

โดยมีพฤติการณ์คือประกอบกิจการค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบังหน้าบริเวณ ย่านพาหุรัด และเป็นผู้ติดต่อประสานงานการโอนเงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติด เพื่อซื้อทองคำจากร้านขายทองคำในประเทศไทย และนำทองคำหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดส่งกลับไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ทั้งนี้ได้รวมกำลังจับกุม แก๊งหลอกขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็ปดัง โดยจับกุมคนร้าย คือ นายสมศักดิ์ อายุ 47 ปี สัญชาติไทย และ นางสาวอุสามาส อายุ 45 ปี ในข้อหา ร่วมกันมีไว้เพื่อนาออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามมาตรา 269/5 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยพบโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด ของผู้อื่น รวมทิ้งสั้น 50 รายการ

จากการตรวจสอบนายสมศักดิ์ฯ และ นางสาวอุสามาสฯ พบว่ามีสลิปการโอนเงินโดยชื่อบัญชีเป็นของผู้อื่นอยู่จานวนมาก ซึ่งชื่อบัญชีธนาคารเหล่านี้พบว่าเป็นบัญชีเดียวกับที่ผู้เสียหายโอนเพื่อชาระเงินค่าสินค้า จากการสอบถามนายสมศักดิ์ฯและนางสาวอุสามาศ เบื้องต้นให้การว่า บัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสดเหล่านี้ ได้รับมาจากบุคคลทั่วไป เพื่อนาไปขายต่อให้กับอีกบุคคลที่ต้องการ บัญชีละ 2,500 บาท เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. เชื่อว่าพฤติการณ์ของแก๊งนี้มีการร่วมกระทาความผิดหลายคน ซึ่งจะได้ทาการสืบสวนขยายผลต่อไป

พร้อมกันนี้ อีกหนึ่งเครือข่ายชาวจีน Hybrid scam หลอกเงินคนร่วมชาติ ชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตารวจ ศปชก.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ทาการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้ใด

162935859924

จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายเติ้ง สัญชาติจีน และนายต๋ง สัญชาติจีน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนาเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทาการสืบสวนจนทราบว่า นายเติ้ง ได้พักอาศัยอยู่บริเวณเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ทาการขอหมายค้นและเข้าทาการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 และสืบทราบว่า นายต๋ง พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงได้ทาการเฝ้าติดตามและทาการจับกุมได้ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 โดยจากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการสั่งการมาจาก นายเจิ้ง ที่อยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทาการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทาการออกหมายจับและติดตามผู้ต้องหาต่อไป ซึ่งทั้งนี้จากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทาให้สามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้จานวน 1.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังพบนายเลี่ยวฯ อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องจาก การขยายผลการจับกุมเครือข่ายปล่อยเงินกู้พื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ทำการสืบสวนขยายผลพบว่า เครือข่ายดังกล่าวย้ายไปอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และยังมีพฤติการณ์โทรทวงเงินพร้อมดอกเบี้ยโหดกับลูกหนี้ ที่กู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่นชื่อ “พลูตัส แค็ท โปร” (Plutus cat pro) ซึ่งแอปฯ ดังกล่าว ลักลอบเปิดสำนักงานอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายค้นและเข้าค้นยังอาคารเป้าหมาย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 พบนายเลี่ยว อายุ 27 ปี สัญชาติจีน

โดยรับว่าเป็นผู้ควบคุม ดูแล จัดการ และจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน ระหว่างการเข้าค้น พบพนักงานจำนวน 19 คน และทำการตรวจยึดทรัพย์สินและเอกสารที่น่าเชื่อว่ามีไว้ใช้หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น สมุดบันทึกรายชื่อลูกหนี้ , ซิมการ์ด , โทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมจำนวน 43 รายการ จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัวของนายหลิวฯ พบรายชื่อลูกหนี้ กว่า 20,000 ราย สอบถามพนักงานให้การว่าจะต้องโทรทวงหนี้ให้ได้วันละ 10-15 ราย ซึ่งจะได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000-15,000 บาท และค่าคอมมิชชั่น 8 บาท ต่อการทวงหนี้ได้ 1 ราย โดยจะให้ลูกหนี้ชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารที่นายเลี่ยวฯ จ้างเปิดบัญชีไว้ ชุดสืบสวน ศปชก.สตม. จึงดำเนินการจับกุมนายเลี่ยวฯ ส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

162935861376

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หมายเลขโทรศัพท์ 1178