ส่องหุ้นรับอานิสงส์ ศบค.คลายล็อกดาวน์
หลังประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มาเกือบ 2 ปี จนมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1.1 ล้านคน และผู้เสียชีวิตสะสมทะลุ 1 หมื่นราย ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขแทบรับไม่ไหว แต่มาวันนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังตัวเลขผู้ป่วยเริ่มลดลงต่ำกว่า 2 หมื่นคนต่อวัน
โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจุดพีคหรือช่วงที่มีการระบาดสูงสุดของรอบนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน นำมาสู่การพิจารณาทบทวนคลายล็อกดาวน์ เปิดกิจกรรมกิจการต่างๆ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด
ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา 9 สมาคมธุรกิจได้เข้าพบและร่วมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยื่นข้อเสนอคลายล็อกดาวน์ให้ภาคธุรกิจสามารถกลับมาเปิดอีกครั้ง โดยสมาคมศูนย์การค้าไทยเสนอให้แบ่งการคลายล็อกออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 วันที่ 1 ก.ย. ขอให้ร้านอาหารและเครื่องดื่มนั่งรับประทานที่ร้านได้ 50% เปิดธุรกิจก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน คลินิกทันตกรรม ร้านนวด สปาเฉพาะนวดเท้า คลินิกเวชกรรม ธุรกิจเสริมสวยงดเว้นบริเวณใบหน้า ธุรกิจไอทีอุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า อาคารสำนักงาน ธุรกิจบริการ เช่น ล้างรถ ซ่อมกุญแจ ไปรษณีย์ เบ็ดเตล็ด เช่น ร้านตัดแว่น สนามกอล์ฟ และกีฬากลางแจ้ง
ระยะที่ 2 วันที่ 15 ก.ย. ร้านอาหารนั่งรับประทานที่ร้านได้ 75% ธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเปิดสถาบันการศึกษา และระยะที่ 3 วันที่ 30 ก.ย. หรือ อาจจะเร็วกว่านั้น ให้ร้านอาหารนั่งรับประทานเต็มรูปแบบ 100% ธุรกิจประกอบการสุขภาพและสปา เครื่องเล่นเด็กและผู้ใหญ่ ฟิตเนส สถานออกกำลังกายในร่ม โรงภาพยนตร์ และห้องจัดเลี้ยง
โดยที่ประชุมศบค. ชุดเล็ก วานนี้ (26 ส.ค.) ได้นำข้อเสนอของภาคเอกชนมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคลายล็อกดาวน์ และสุดท้ายมีมติผ่อนปรนร้านอาหารให้นั่งรับประทานในร้านได้ โดยร้านอาหารที่เปิดแอร์ให้นั่งทานในร้านได้ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ส่วนร้านที่ไม่มีแอร์นั่งทานได้ 75% ของจำนวนที่นั่ง
ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้กลับมาเปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 20.00 น. รวมทั้งร้านเสริมสวย ร้านตัดผม สวนสาธารณะ ลานกีฬากลางแจ้ง เปิดได้ปกติ
ทั้งนี้ จะมีการนำข้อเสนอทั้งหมดส่งต่อให้ที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธานพิจารณาอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ (27 ส.ค.) คงต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะมีมติออกมาอย่างไรบ้าง และจะเริ่มบังคับใช้ได้เมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์กันว่าห้างสรรพสินค้าน่าจะได้รับไฟเขียว เช่นเดียวกับร้านอาหารที่จะผ่อนปรนให้สามารถนั่งทานที่ร้านได้เช่นกัน แต่จะนั่งได้มากน้อยแค่ไหนต้องรอติดตาม รวมทั้งเงื่อนไขในการเปิดกิจการต้องเข้มงวดขึ้น ทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ
ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอเรื่องการฉีดวัคซีนว่า ต้องฉีดวัคซีนครบโดสจึงจะสามารถนั่งทานในร้านอาหารได้ โดยต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการ หรือต้องตรวจหาเชื้อด้วย ATK ก่อน ซึ่งคงจะได้เห็นรายละเอียดทั้งหมดในวันนี้
สำหรับหุ้นที่คาดจะได้รับอานิสงส์จากการคลายล็อกดาวน์น่าจะมีอยู่หลายตัว นำทีมโดยกลุ่มร้านอาหาร เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังมากมาย
บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN, บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI รวมถึงร้านขนมหวานอย่างบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU ซึ่งแต่ละรายสาขาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในห้าง
ขณะที่ราคาหุ้นหลายตัวขึ้นมารอรับข่าวดีทันที เช่น ZEN ปิด 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 3.48%, AU ปิด 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.88%
ส่วนกลุ่มห้างสรรพสินค้า มีบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ปิด 34 บาท เพิ่มขึ้น 0.74% และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ปิด 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.96%