ชลประทานโคราช สั่งจับตารายวัน ฝนตกสัปดาห์เดียวน้ำเข้าเขื่อน 27 แห่ง กว่า 100 ล้าน ลบ.ม.
ชลประทานโคราช สั่งจับตารายวัน ฝนมาแรงสัปดาห์เดียวน้ำเข้าเขื่อน 27 แห่ง กว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ห่วงประชาชนในพื้นที่เชิงเขา และพื้นที่ลุ่มน้ำลำเชียงไกร
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในช่วงฤดูฝนปีนี้ พบว่า ปริมาณฝนมาเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ปกติจะมาช่วงเดือนตุลาคม แต่ปีนี้ฝนมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายน ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์น้ำ รวมถึง ปริมาณน้ำฝนอย่างใกล้ชิดเร็วกว่าเดิม
เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัด ทั้ง 4 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ เกินกว่าร้อยละ 60 ของความจุ ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี2563 มีน้ำกักเก็บเพียง ร้อยละ 23 ของความจุเท่านั้น และสาเหตุที่จะต้องจับตาดูสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ทั้ง 27 แห่งของจังหวัด ยังมีปริมาณน้ำในอ่างกักเก็บ ไม่ถึงร้อยละ 50 ของความจุ
แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่ง มีปริมาณน้ำเกินร้อยละ 63 ของความจุ จะเห็นได้ว่า เพียงสัปดาห์เดียวมีน้ำฝนไหลเข้าอ่าง ทั้ง 27 แห่ง รวมกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุรวมทั้งหมด 1,216 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งพื้นที่ลุ่มน้ำหลักของจังหวัดนครราชสีมา ไม่ว่าจะเป็นลุ่มน้ำลำเชียงไกร ลุ่มน้ำลำตะคอง และลุ่มน้ำลำพระเพลิง จะเห็นว่า ลุ่มน้ำลำเชียงไกรในพื้นที่ อ.เทพารักษ์ อ.ด่านขุนทด อ.โนนไทย และ อ.โนนสูง มีปริมาณน้ำฝนตกมากกว่าทุกพื้นที่ เป็นลุ่มน้ำแรกที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้เกิดสภาวะดินอิ่มตัว ประกอบกับมีปริมาณน้ำท่าไหลลงลำน้ำต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทั้งลำเชียงไกร ลำห้วยสามบาท ลำวังกะทะ คลองหลังราด และคลองแค ระดับน้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำจึงเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องระบายน้ำบางส่วนลงท้ายอ่างเก็บน้ำ จึงขอแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่บริเวณราบลุ่มต่ำ และพื้นที่ติดลำน้ำลำเชียงไกร ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย
"ส่วนการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่ง จะมีการวางแผนการระบายน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนท้ายอ่างอย่างแน่นอน แต่ประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเชิงเขา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว และ อ.ปากช่อง จะต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินอิ่มตัวจากฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ขึ้นได้" นายกิติกุลฯ กล่าว