‘จุรินทร์’รับแก้ รธน.ไม่ผ่านกระทบสิ่งที่เคยพูด เหตุเป็นเงื่อนไขร่วม รบ.

‘จุรินทร์’รับแก้ รธน.ไม่ผ่านกระทบสิ่งที่เคยพูด เหตุเป็นเงื่อนไขร่วม รบ.

“จุรินทร์” ยัน “ปชป.” โหวตทางเดียวกันผ่าน “แก้ รธน.” วาระ 3 แย้มถ้าไม่สำเร็จ กระทบในสิ่งที่เคยพูดไป เหตุเป็นประเด็นคุยกับ “พปชร.” ตอนร่วม รบ. ยันสั่งใครให้ทำตามไม่ได้ ปัดใส่พานให้พรรคใดพรรคหนึ่ง

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2564 เวลา 9.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเรื่องความเห็นชอบของ ส.ว. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม ว่า จะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น เกินกำลังสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะไปกำหนด หรือดำเนินการอะไรให้ครบถ้วนทั้งหมดได้ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดในส่วนของพรรค เรายืนยันในการทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และในการประชุม ส.ส. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้ข้อยุติแล้ว ทุกคนก็มีความเห็นร่วมกันว่าจะลงมติไปในทางเดียวกัน นั่นก็คือจะรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่สาม 

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินเสียงของ ส.ว. หรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่สามารถประเมินได้เพราะยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไร ขณะนี้เท่าที่ทราบและได้ติดตามมาตลอดคือวาระที่หนึ่งสามารถผ่านมาได้ เพราะมีเสียงทั้งซีกรัฐบาล ซีกฝ่ายค้าน และซีกสมาชิกวุฒิสภา เป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ และวาระที่สองก็ยังเป็นไปตามนั้น ส่วนวาระที่สามไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ ต้องติดตามต่อไป คงจะต้องเป็นผู้อธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงตัดสินใจไปอย่างนั้น 
 

เมื่อถามอีกว่าหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่สำเร็จ พรรคจะแสดงท่าทีอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนได้เรียนไปแล้วว่า สำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้นมันเกินกำลังในส่วนของพรรคที่จะไปสั่งการให้พรรคการเมืองใด หรือวุฒิสมาชิกดำเนินการตามความประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นที่ได้พูดคุยกันไว้กับพรรคพลังประชารัฐในตอนร่วมรัฐบาล เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่า เนื่องจากการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหลักนโยบายหนึ่งของพรรค หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน จะกระทบอย่างไรหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ อย่างน้อยกระทบว่าเราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราได้พูดไป แต่ถ้าเราทำหน้าที่ของเราสุดความสามารถแล้ว มันจะผ่านไม่ผ่านนั้น คิดว่ามันก็เป็นอย่างที่เรียน เราไม่สามารถไปสั่งให้คนอื่นเขาปฏิบัติตามแนวทางของประชาธิปัตย์ได้ครบถ้วนร้อยเปอร์เซนต์

“สิ่งหนึ่งที่ขอเรียนให้ทราบได้ก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการที่จะใส่พานไปให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะถ้าดูประโยชน์ของพรรคการเมือง มันก็มีได้มีเสียกันทุกพรรคนะครับว่า ถ้าแก้แบบนี้พรรคนั้นก็อาจจะได้ ถ้าแก้แบบนี้พรรคนี้ก็อาจจะเสีย เพราะฉะนั้นถ้าเอาประโยชน์พรรคการเมืองเป็นที่ตั้ง ก็คงแก้ไม่ได้เลย เพราะมันมีได้มีเสียกันทั้งหมด แต่เราก็ต้องถือหลักการ ว่าหลักการที่ควรจะเป็นมันควรจะเป็นอย่างไร การแก้รัฐธรรมนูญนำไปสู่ความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมืองระยะยาวหรือไม่ นำไปสู่ความเข้มแข็งของประชาธิปไตยระยะยาวหรือไม่ อันนั้นคือสิ่งที่เราต้องคำนึง คือประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่ดูประโยชน์ส่วนพรรค เพราะว่าถ้าดูประโยชน์ส่วนพรรค มันไม่จบหรอกครับ” นายจุรินทร์ กล่าว
 

เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ว. มองว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเกิดประโยชน์กับพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอวิจารณ์ ไม่ขอก้าวล่วงไปถึงส่วนอื่น ขอพูดในส่วนเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่รัฐธรรมนูญจะผ่านได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสามส่วน เพราะรัฐธรรมนูญบังคับไว้ นั่นคือ 1. ต้องมีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง 2. ต้องมีเสียงฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบ และ 3. ต้องมีเสียง ส.ว. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายก็ต้องมีส่วนร่วม แล้วก็ต้องร่วมมือกันรัฐธรรมนูญจึงจะผ่านได้

ส่วนกรณีมีพรรคการเมืองบางพรรคมองว่าการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ อาจจะเป็นการกินรวบนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้เรียนแล้วว่า มันไม่มีที่ยุติหรอก เพราะว่าทุกระบบมีทั้งจุดอ่อนจุดแข็งด้วยกันทั้งสิ้น บัตรสองใบวิจารณ์ได้ บัตรใบเดียวมันมีจุดอ่อนจุดแข็ง เห็นกันอยู่แล้ว สุดท้ายผลออกมาก็เบี้ยหัวแตก แล้วมีข้อวิจารณ์อีกได้เช่นเดียวกันว่าเขียนมาเพื่อใคร เพราะฉะนั้นมันมีจุดอ่อนจุดแข็งทั้งสิ้น ถ้าเอาจุดอ่อนจุดแข็งมาพูดกันมันก็เถียงกันไม่จบ แต่เราเอาหลักดีกว่าเป็นประโยชน์ในการที่จะสร้างพรรคการเมืองในอนาคตให้เข้มแข็งหรือไม่ เพราะมันเป็นรากฐานสำคัญของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยระยะยาว