เจาะบริษัทลูก “Apple” ในไทย 5 ปี ฟันรายได้ 2.78 แสนล้าน ก่อนเปิดตัว “iPhone 13”
เจาะถุงเงิน “แอปเปิ้ล เซาท์ เอเชียฯ” บริษัทลูก “Apple” ในไทย ก่อนเปิดตัว “iPhone 13” นำส่งงบการเงินปี 63 รายได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.3 พันล้านบาท ยอดรวม 5 ปี หลังสุดฟันรายได้ 2.78 แสนล้าน กำไรรวม 6.9 พันล้าน
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2564 “Apple” เปิดตัวโทรศัพท์ และแทบเล็ต รวมถึงอุปกรณ์รุ่นใหม่ ได้แก่ “iPhone 13” รวมถึง iPad 9 และ Gadget ใหม่ ๆ ทำให้เกิดความสนใจจากประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะชาวไทยที่เตรียมตัวจับจองโทรศัพท์รุ่นใหม่ ที่จะเปิดให้จองในวันที่ 1 ต.ค. 2564 และจำหน่ายในไทยในวันที่ 8 ต.ค. 2564
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่า Apple เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ไปแล้ว 6 รุ่น ได้แก่ ปี 2021 มี iPhone 13 ปี 2020 มี iPhone 12 ปี 2019 มี iPhone 11 ปี 2018 มี iPhone XS และปี 2017 มี iPhone X รวมถึง iPhone 8
หลายคนอาจสงสัยว่า Apple ในไทย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีรายได้เท่าไหร่?
กรุงเทพธุรกิจ มีคำตอบ อ่านได้ในบรรทัดถัดไป
สำหรับ Apple มี “บริษัทลูก” ในไทย ชื่อว่า บริษัท แอปเปิ้ล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทแห่งนี้ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2542 เดิมชื่อบริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท แอปเปิ้ล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2550 ทุนปัจจุบัน 6 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 999/9 อาคาร ดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ห้องเลขที่ เอชเอช 4401-6 และ เอชเอช 4408-9 ชั้นที่ 44 ถนนพระราม 1 ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เครื่องเล่นเพลงระบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารบนมือถือ สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอิเล็คทรอนิคส์และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
ปรากฏชื่อ นายปีเตอร์ โรนัลด์ เดนวูด และนายสเตฟาน เบิร์นฮาร์ด วาห์ลสตรอม เป็นกรรมการ
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 10,641,597,000 บาท หนี้สินรวม 6,766,183,000 บาท มีรายได้รวม 70,265,001,000 บาท (ราว 7 หมื่นล้านบาท) มีรายจ่ายรวม 67,351,547,000 บาท เป็นต้นทุนการขาย 65,812,629,000 บาท เสียภาษีเงินได้ 599,240,000 บาท กำไรสุทธิ 2,314,214,000 บาท (ราว 2.3 พันล้านบาท)
ย้อนกลับไปดูงบการเงินในปี 2562 แจ้งมีรายได้รวม 53,662,857,000 บาท มีรายจ่ายรวม 52,304,036,000 บาท เสียภาษีเงินได้ 284,420,000 บาท กำไรสุทธิ 1,074,401,000 บาท
ปี 2561 แจ้งมีรายได้รวม 53,987,544,000 บาท รายจ่ายรวม 52,112,669,000 บาท เสียภาษีเงินได้ 402,079,000 บาท กำไรสุทธิ 1,472,796,000 บาท
ปี 2560 แจ้งมีรายได้รวม 52,223,752,000 บาท รายจ่ายรวม 51,136,144,000 บาท เสียภาษีเงินได้ 268,330,000 บาท กำไรสุทธิ 771,133,000 บาท
ปี 2559 แจ้งมีรายได้รวม 48,149,471,837 บาท รายจ่ายรวม 46,437,179,442 บาท เสียภาษีเงินได้ 354,718,952 บาท กำไรสุทธิ 1,357,229,320 บาท
รวมรายได้ในรอบ 5 ปีหลังสุด (ปี 2559-2563) ทั้งสิ้น 278,288,625,837 บาท (ราว 2.78 แสนล้านบาท) มีรายจ่ายทั้งสิ้น 269,341,575,442 บาท กำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,989,773,320 บาท
หากสังเกตจากงบการเงินในรอบ 5 ปีหลังสุดที่ผ่านมา เห็นได้ว่าช่วงปี 2563 คือช่วงที่ “บริษัทลูก” Apple ในไทย โกยรายได้มหาศาลที่สุดถึง 7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ปี 2559 มีรายได้น้อยสุดราว 4.8 หมื่นล้านบาท แต่ปีที่ได้กำไรน้อยสุดคือปี 2560 ราว 771 ล้านบาท
ทั้งหมดคือ “ฐานทุน” ของธุรกิจ “Apple” ที่เพิ่งเปิดตัว “iPhone 13” ที่ชาวไทยตั้งหน้าตั้งตารอคอยช็อปอยู่ตอนนี้?
จะเห็นได้ว่า “อู้ฟู่” ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว