“ฟอร์ด”เร่งลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐ “ฟอร์ด” เล็งลงทุน 1.14 หมื่่นล้านดอลลาร์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างบทบาทนำเลิกใช้พลังงานฟอสซิลที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ฟอร์ด แถลงเมื่อวันจันทร์ (27 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า บริษัทมีแผนลงทุน 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานใหม่ 4 โรง เพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี ซึ่งจะช่วยสร้างงาน 11,000 อัตราภายในปี 2568
แผนการนี้ฟอร์ดจะจับมือกับพันธมิตร “เอสเค อินโนเวชัน” จากเกาหลีใต้ สร้างโรงงานที่เคนทักกีและเทนเนสซี โดยฟอร์ดจะลงทุน 7,000 ล้านดอลลาร์ ตามแผนการ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ประกาศไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ที่เหลือเป็นส่วนของเอสเค อินโนเวชัน
โครงการนี้จะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ใหญ่สุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 118 ปีของบริษัท หนุนให้ฟอร์ดเป็นแนวหน้าในการเปลี่ยนสู่ยานยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ
“การลงทุนครั้งนี้สนับสนุนเป้าหมายระยะยาวของบริษัท ในการสร้างอีโคซิสเต็มการผลิตที่ยั่งยืน เร่งความก้าวหน้าสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน หนุนเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์สอดคล้องกับความตกลงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ”
ฟอร์ดคาดว่า รถยนต์ฟอร์ด 40-50% ทั่วโลกจะเป็นรถไฟฟ้าเต็มตัวภายในปี 2573
นายบิล ฟอร์ด ประธานคณะกรรมการบริหารกล่าวว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งการปรับโฉมที่ฟอร์ดจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของสหรัฐไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตที่สะอาดไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“ด้วยการลงทุนครั้งนี้และจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่เคยคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ทั้งปกป้องโลกของเรา สร้างยานยนต์ไฟฟ้าอันยอดเยี่ยม ที่ชาวอเมริกันจะรักและมีส่วนสร้างความรุ่งเรืองของชาติ”
แถลงการณ์ของฟอร์ดเกิดขึ้นท่ามกลางความต้องการรถปิคอัพ F-150 Lightning รุ่นใหม่ของฟอร์ดรวมถึงรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เช่นE-Transit และMach-E มัสแตงแข็งแกร่งมาก ไม่ต่างจากคู่แข่งอย่างจีเอ็มที่กำลังไล่ตามเทสลา หัวหอกสำคัญในวงการรถยนต์ไฟฟ้า
แถลงการณ์จากฟอร์ด ผู้ปฏิวัติการผลิตรถยนต์เมื่อร้อยปีก่อนกล่าวด้วยว่า การลงทุนของตนเป็นการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ ไม่มีบริษัทผลิตรถยนต์ใดทำได้เท่า