ดัชนีผลผลิตอุตฯ ขยับเพิ่มขึ้น ภาพรวม 9 เดือนขยายตัว ส่งออกโตต่อเนื่อง
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2564 ขยายตัวดีขึ้น MPI อยู่ที่ระดับ 93.72 แผนการเปิดประเทศ สร้างความเชื่อมั่นใผู้ประกอบการและนักลงทุน ส่งออกโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 17.90% ตรียมปรับเป้า MPI ใหม่ทั้งปี ในเดือนพฤศจิกายน ยังต้องจับตาราคาน้ำมัน และค่าเงินบาทที่ผันผวน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI เดือนกันยายน 2564 กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ประกอบกับการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนและแรงงานในภาคอุตสาหกรรม
โดยสะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรม และดัชนีการส่งสินค้าในเดือนกันยายน 2564 เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสำคัญที่ดัชนีแรงงานขยายตัว เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ และอุตสาหกรรมแปรรูปผักและผลไม้ เป็นต้น ส่งผลให้ภาครัฐสามารถผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจได้มากขึ้น ประกอบกับภาครัฐยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ขณะเดียวกันนโยบายการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้ดัชนี MPI ขยายตัวต่อไปได้
นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. จะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขดัชนี MPI ปี 2564 ใหม่อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่มีความผันผวนด้วยเช่นกัน
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 93.72 หดตัวลงเล็กน้อย 1.28% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนแต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัว 7.49% โดย 9 เดือนแรกขยายตัว 6.10% โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมหลักของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 3/2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.43 จากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแรงงานในสถานประกอบการมีทิศทางที่ดีขึ้น
สะท้อนจากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรมเดือนกันยายนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีแรงงานในอุตสาหกรรมสำคัญหลายกลุ่มยังคงขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 10.85% แปรรูปผักผลไม้ขยายตัว 5.86% เครื่องปรับอากาศขยายตัว 9.76% และยางล้อขยายตัว 3.42%
แต่อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังส่งผลต่อการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนรถยนต์บางรายการ แต่ในเดือนกันยายนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยโรงงานผลิตรถยนต์ได้รับส่งมอบชิปและชิ้นส่วนรถยนต์ได้มากขึ้น ด้านสถาบันการเงินเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการอนุมัติ ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศน่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 750,000 คัน ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตขยายตัวต่อเนื่องตามกัน
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้อาจส่งผลกระทบบ้างในด้านโลจิสติกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบทางการเกษตรอาจจะได้รับผลกระทบบ้างในระยะถัดไป
สำหรับการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มของการขยายตัวที่ดี โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2564 ขยายตัว 15.75% มูลค่า 18,424.90 ล้านดอลลาร์ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) ขยายตัว 17.90% มูลค่า 18,093.70 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ในส่วนการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัว 16.06% ได้แก่เครื่องจักรกลและส่วนประกอบเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ รวมถึงการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูงถึง 43.56% ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
อุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนกันยายน 2564
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 13.12% ตามความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกที่ยังขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกในปีก่อน รวมถึงสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆที่ผลิตออกมามีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบเพิ่มขึ้นมาก
เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 13.61% จากเหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นรีดร้อน เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ยังคงเติบโต และเป็นไปตามกลไกตลาดที่ราคาเหล็กปรับตัวสูงลูกค้าจึงเพิ่มคำสั่งซื้อเพื่อเก็บเป็นสต๊อกมากขึ้น
เครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 20.24% เนื่องจากปีก่อนผู้ผลิตประสบปัญหาการขาดชิ้นส่วนเพื่อผลิตจากการระบาดของโควิด-19 ประกอบกับปีนี้ผู้ผลิตได้ปรับแผนการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงมากจากการติดเชื้อภายในโรงงานในเดือนที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.32% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากยางแท่งและยางแผ่นเป็นหลัก เนื่องจากความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน และอเมริกา รวมถึงได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกาและอินเดีย เพิ่มขึ้น
บุหรี่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 71.29% จากการเร่งผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นมาก หลังรับข่าวการปรับโครงสร้างภาษียาสูบใหม่ที่จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564