สอบ ‘ก.พ.’ เป็น ‘ข้าราชการ’ ได้ ‘สวัสดิการ’ อะไรบ้าง ?
ส่องข้อดีของการ "สอบ ก.พ." และ "สวัสดิการ" หลังได้บรรจุเป็น "ราชการ" นอกเหนือจากผลตอบแทนตามหน้าที่แล้วยังมีโอกาสได้รับอะไรอีกบ้าง
สอบ "ก.พ." บันไดขั้นแรกของการของการคัดสรรบุคคลเป็น "ข้าราชการ" ที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะนอกจากการได้ทำงานในหน่วยงานราชการที่ถูกมองว่ามีความมั่นคงแล้ว ข้อดีของการเป็น "ข้าราชการ" นอกเหนือจากเงินเดือนซึ่งเป็นการตอบแทน ยังมี "สวัสดิการ" และ "ประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ" ด้วย
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาไปดูว่า หลังสอบ ก.พ. ผ่าน บรรจุเป็นข้าราชการแล้วเบื้องต้นมีโอกาสจะได้สิทธิอะไรบ้าง ?
- สวัสดิการ
สวัสดิการ คือ ค่าตอบแทนที่ทางราชการจัดให้แก่ราชการในฐานะที่เป็นสมาชิกขององค์กรเพื่อช่วยให้มีความมั่นคงในชีวิต ตลอดจนเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสวัสดิการของ "ข้าราชการพลเรือนสามัญ" เบื้องต้นมีทั้งที่กำหนดให้เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
‘ก.พ.’ กำหนดวันสอบปี 64 แล้ว อยากสมัครปีหน้า ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
สิทธิการลา 11 ประเภท
1. การลาป่วย สามารถลาป่วยได้ตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองของแพทย์, การลาป่วยไม่ถึง 30 วัน ตามการพิจารณา
2. การลาคลอดบุตร ไม่เกิน 90 วัน
3. การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลาภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ ไม่เกิน 15 วันทําการ
4. การลากิจส่วนตัว เช่น ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทําการ
5. การลาพักผ่อน ข้าราชการสามารถลาพักผ่อนประจําปี ในปีงบประมาณหนึ่งได้ 10 วันทําการ (เว้นแต่รับราชการยังไม่ถึง 6 เดือน)
6. การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ไม่น้อยกว่า 60 วัน
7. การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล แล้วแต่กรณี
8. การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน แล้วแต่กรณี
9. การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
10. การลาติดตามคู่สมรส ลาได้ ไม่เกิน 2 ปี และในกรณีจําเป็นอาจอนุญาตให้ลาต่อได้อีก 2ปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกิน 4 ปี พิจารณาแล้วแต่กรณี
11. การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ สามารถลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกิน 12 เดือน (กรณีได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ)
- เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
1. ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าเลือด และส่วนประกอบของเลือดและอื่นๆ ทํานองเดียวกันที่ใช้ในการบําบัดรักษาโรค
2. ค่าอวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบําบัดรักษาโรค รวมทั้งค่าซ่อมแซมอวัยวะเทียม
3. ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าบริการทางการพยาบาล ค่าตรวจวินิจฉัยโรค ค่าวิเคราะห์โรค แต่ไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมแพทย์พิเศษ
4. ค่าห้อง และค่าอาหาร ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษาพยาบาล
5. ค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรค
6. ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ
7. ค่าใช้จ่ายอื่นที่จําเป็นแก่การรักษาพยาบาล ตามที่กระทรวงการคลังกําหนด
- เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
"ข้าราชการ" มีสิทธิได้รับสวัสดิการ "ค่าเล่าเรียนของบุตร" ที่ชอบด้วยกฎหมายอายุที่ไม่เกิน 20 ปีได้สูงสุด 3 คน นับเรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลัง ไม่ว่าเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งใด หรืออยู่ในอำนาจปกครองของตนหรือไม่
- เงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ
ข้าราชการหรือลูกจ้างประจํามีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงาน ประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ หากได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการนอกสํานักงานเกิน 15 วัน
- กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ
กองทุนสำหรับที่เป็นหลักประกันชีวิตของข้าราชการในวัยเกษียณ โดยมีการจ่ายบําเหน็จบํานาญ และให้ผลประโยชน์ ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ
รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์ของ สมาชิก จัดสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิกโดยกองทุนจะนําเงินไปลงทุนเพื่อหา ผลประโยชน์ตอบแทนคืนสู่สมาชิก ซึ่งอัตราบำเหน็จบำนาญที่จะได้รับจะคำนวณตามขั้นรายได้ และอายุการทำงาน
- ประโยชน์เกื้อกูล
ประโยชน์เกื้อกูล คือ ค่าตอบแทนที่ทางราชการจัดให้แก่ข้าราชการ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดประสิทธิผล ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
- ค่าเช่าบ้าน
- เงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
- รถราชการ
- โทรศัพท์ของทางราชการที่อนุมัติให้ใช้เป็นรายบุคคล
ทั้งนี้ สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลในข้างต้น เป็นเพียงภาพรวมในฐานะข้าราชการเท่านั้น ในแต่ละหน่วยงานหรือระดับงานอาจรายละเอียดแตกต่างกันออกไป
ที่มา: สำนักงาน ก.พ.