"โควิด-19" เชียงใหม่ ปูพรมตรวจเชิงรุกตลาดสด-ชุมชนต่างด้าว
เทศบาลนครเชียงใหม่ ปฏิบัติการเชิงรุกตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามตลาดสด ชุมชนหนาแน่น และชุมชนต่างด้าว สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ขณะที่จุดตรวจโดยรถชีวนิรภัยรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจ ATK เข้าตรวจหาเชื้อซ้ำ
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 นายมนต์ชัย พงษ์เกียรติก้อง รองปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในครอบครัว และชุมชนแรงงานต่างด้าวนั้น ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งจุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด -19 โดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ที่บริเวณ ศูนย์วัณโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 คัน และ ที่บริเวณสำนักงานแขวงศรีวิชัย จำนวน 1 คัน นอกจากนั้นยังมีการตั้งจุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) บริเวณตลาดสันป่าข่อย เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับพ่อค้า แม่ค้าในตลาด ซึ่งที่ผ่านมา มีตลาดสดหลายแห่งที่ต้องปิดชั่วคราว เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด
หลังจากนี้ ได้วางแผนตั้งจุดตรวจ ATK และ จุดฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 4 พ.ย.2564 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการกำหนดพื้นที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และ จุดฉีดวัคซีน โดย มุ่งเป้าไปที่บริเวณชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่ และ บริเวณชุมชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่หนาแน่น โดยจะทำการปูพรมตรวจหาเชื้อ ให้ครอบคลุมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากการลงพื้นที่สำรวจจุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่บริเวณศูนย์วัณโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีผู้รอคิวตรวจหาเชื้อค่อนข้างบ้างตา โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาแจ้งว่า ให้ถ่ายภาพได้ในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น เนื่องจากบริเวณจุดที่ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ที่มีผลบวกจากการตรวจ ATK จากจุดตรวจของเทศบาลนครเชียงใหม่ มาทำการตรวจหาเชื้อซ้ำ ประมาณ 4 ราย จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปในบริเวณที่ตรวจหาเชื้อ
สำหรับ สถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลวันที่ 1 พ.ย. 64 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 268 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด 5 ราย ที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวน 3 ราย ส่วนการบริหารจัดการวัคซีน ประชากรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องได้รับวัคซีน จำนวน 1,729,353 ราย ได้รับวัคซีนแล้ว 1,096,673 ราย คิดเป็น ร้อยละ 63.42