"รัฐสภา" ถก "ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้" ถูกติงไม่คำนึงหลักกระจายอำนาจ
"รัฐสภา" เริ่มพิจารณาร่างพ.ร.บ.ส่งเสเริมการเรียนรู้ ถูกท้วงให้คำนึงถึงหลักกระจายอำนาจ ให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมสนับสนุนการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ... ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ทั้งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปการศึกษา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 54 ประกอบมาตรา 258 จ. ด้านการศึกษา (4) ให้รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่างๆ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษา โดยการสร้างโอกาสให้ผู้อยู่ในวัยเรียนให้เข้าถึงการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้อย่างทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว มีทั้งสิ้น 31 มาตรา และมีรายละเอียด อาทิ ให้ยกเลิกพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551 , กำหนดให้มีสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้, เปลี่ยน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้เป็น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ, กำหนดให้ทุกจังหวัดนอกจากกทม.จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด เพื่อกำกับ ดูแล และ สนับสนุน ของเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ และภาคีเครือข่าย ในการส่งเสริมและส่วนร่วมการเรียนรู้
ทั้งนี้ได้กำหนดให้ข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบฯ โอนย้ายเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และให้เลขาธิการสำนักงานการศึกษานอกระบบฯ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรัฐสภาส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน แต่ได้ตั้งข้อสังเกตที่สำคัญ อาทิ ควรกระจายอำนาจทางการศึกษา การเรียนรู้ สู่ท้องถิ่น อย่างชัดเจน โดยให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่กำหนดให้กรมส่งเสริมฯส่วนกลาง เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ เพื่อ นอกจากนั้นควรกำหนดให้มีกรรมการระดับจังหวัดเพื่อติดตามคุณภาพการศึกษาการเรียนรู้ระดับต่างๆ นอกจากนั้นควรสร้างหลักประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับการศึกษาแห่งชาติ
นอกจากนั้นเสนอให้กำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนต่อการเทียบโอนผลการเรียนทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ สมรรถนะ จากการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะเงื่อนไขด้านเวลา เช่น 30 - 90 วัน เช่นเดียวกับการนำผลการเรียนรู้เทียบเคียงเพื่อรับรองวุฒิ หรือการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ ขณะที่การตั้งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้นควรเร่งพิจารณารวมถึงกำหนดรายละเอียดให้สอดคล้องกับ ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ... และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคด้านการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรางานว่า การอภิปรายในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ตามข้อตกลงของวิป 3 ฝ่าย ได้นำการกำหนดจำนวนผู้อภิปรายตามโควต้าพรรคมาปฏิบัติ ทั้งนี้นายชวน แจ้งว่า การกำหนดจำนวนผู้อภิปรายตามโควต้าพรรคนั้น เพื่อประเมินกำหนดเวลาได้ในเบื้องต้นให้สมาชิกรับทราบว่าจะมีการลงมติในช่วงเวลาใด.