“ไอติม” ขอ ส.ว.โหวตรับ “ร่าง รธน.” ภาค ปชช. เพื่ออนาคต-ปิดฉาก “ระบอบประยุทธ์”
“ไอติม” ขอ ส.ว. อย่าปฏิเสธโอกาส โหวตรับ “ร่าง รธน.” ภาคประชาชน ชี้เป็นความพยายามครั้งที่ 2 เพื่ออนาคตลูกหลาน เปิดทางสภาเดี่ยว ปิดฉาก “ระบอบประยุทธ์”
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2564 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” แกนนำกลุ่ม Re-Solution กล่าวถึงกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน จำนวน 150,921 รายชื่อ จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 16 พ.ย. 2564 ว่า นับเป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของภาคประชาชนที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เข้าสู่รัฐสภา หลังจากก่อนหน้านี้ร่างของภาคประชาชนนำโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ถูกปัดตก เพราะติดเงื่อนไขสำคัญในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 (3) ที่กำหนดให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะผ่านวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ ต้องได้รับเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา หรือ 366 คนขึ้นไป และต้องได้เสียงจาก ส.ว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คนด้วย
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ส.ว. อ้าง 2 เหตุผลหลักในการปฏิเสธร่างของภาคประชาชน หนึ่ง เพราะกลัวว่าจะเป็นการตีเช็คเปล่าให้ สสร. ไปเขียนอะไรก็ได้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สอง เพราะไม่ต้องการเอื้อประโยชน์แก่นักการเมือง แต่ความกังวลที่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับร่างของกลุ่ม Re-Solution เพราะเป็นการแก้ไขรายมาตราที่มีข้อเสนอชัดเจน และทุกข้อเสนอเป็นไปเพื่อแก้ไขต้นตอวิกฤติการเมืองไทย คือกลไกที่ระบอบประยุทธ์ หรือ คสช. สอดแทรกไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อสืบทอดอำนาจและเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ไม่ว่าจะเป็น ล้มวุฒิสภาที่มีอำนาจล้นฟ้าแต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โละศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เลิกยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศที่ถูกวางไว้เป็นอาวุธลับทางการเมือง และล้างมรดกรัฐประหาร ดังนั้น น่าจะเปิดใจรับร่างฉบับนี้ ได้ง่ายกว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบเลือกตั้งที่ถูกมองว่าพรรคการเมืองมีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่ง ส.ว. ให้ความเห็นชอบไปแล้วด้วยซ้ำ
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า การที่ร่างของกลุ่ม Re-Solution เสนอยกเลิกวุฒิสภา ให้ประเทศไทยกลายเป็นสภาเดี่ยว ไม่ได้เกิดจากความเกลียดชังหรือทำเพื่อความสะใจ แต่เพราะเล็งเห็นแล้วว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการเป็นสภาเดี่ยว อาทิ ทำให้การออกกฎหมายคล่องตัว ทันใจ ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สูญเสียกลไกตรวจสอบถ่วงดุล ด้วยการขยายบทบาทฝ่ายค้านและภาคประชาชน การเป็นสภาเดี่ยวยังประหยัดงบประมาณได้กว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถนำมาส่งเสริมสวัสดิการประชาชน เป็นโครงสร้างทางการเมืองที่สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ เพราะประเทศทั่วโลกที่เป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐเดี่ยว และใช้ระบบรัฐสภา มีถึง 20 จาก 31 ประเทศ ที่ใช้ระบบสภาเดี่ยว ที่สำคัญยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยุติการสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์
“ผมเชื่อว่า ส.ว. หลายคนเคยพูดคุยกับลูกหลานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ รับรู้ว่าพวกเขารู้สึกสิ้นหวังกับประเทศไทยตอนนี้มากแค่ไหน เพราะมรดกของระบอบประยุทธ์อย่างรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นอุปสรรคในการพาบ้านเมืองออกจากวิกฤติ และไม่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกเป็นหุ้นส่วนของประเทศได้ การลงมติในวันที่ 16 พฤศจิกายน จึงสำคัญมากต่อการฟื้นความหวังของประชาชน ผมหวังว่า ส.ว. จะไม่ปฏิเสธโอกาสในการเป็นผู้ถอดสลักความขัดแย้ง จะโหวตเพื่ออนาคตของลูกหลาน เสียสละยุบตัวเองเพื่อเปิดทางการเปลี่ยนแปลง” นายพริษฐ์ กล่าว