ทรูโดลั่น พร้อมโต้กลับสหรัฐ! ด้วย ‘กำแพงภาษีสูง’ ตาม หากทรัมป์ก่อสงครามการค้า

ทรูโดลั่น พร้อมโต้กลับสหรัฐ! ด้วย ‘กำแพงภาษีสูง’ ตาม หากทรัมป์ก่อสงครามการค้า

‘จัสติน ทรูโด’ ประกาศลั่น พร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยกำแพงภาษี หาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เริ่มสงครามการค้า อีกทั้ง ‘กว่าครึ่งหนึ่ง’ ของการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐมาจากแคนาดา

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “จัสติน ทรูโด” (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นกำแพงภาษีสูงเช่นกัน หากว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐก่อสงครามการค้าตามคำขู่

ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ Inside With Jen Psaki ทางสถานีข่าว MSNBC ทรูโดที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง กล่าวว่า อันที่จริง ไม่ได้ต้องการมีปัญหาการค้ากับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ แต่จำเป็นต้องตอบโต้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีกับสินค้าของแคนาดา

“แคนาดา” ถือเป็นประเทศที่ซื้อสินค้าจากสหรัฐมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ตามข้อมูลการส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ โดยมียอดการซื้อประมาณ 320,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน สหรัฐมีการขาดดุลการค้าสินค้ากับแคนาดาที่มูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว

“เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว เราพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีตามความจำเป็น” ทรูโด กล่าว “เราเป็นคู่ค้าส่งออกอันดับหนึ่งของรัฐต่างๆ ในสหรัฐ ประมาณ 35 รัฐ และสิ่งใดก็ตามที่ทำให้พรมแดนระหว่างเราซับซ้อนขึ้น จะส่งผลให้ประชาชน และแรงงานชาวอเมริกันต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น”

ในแง่ต่อหัว ประชากรแคนาดาซื้อสินค้าจากสหรัฐมากกว่าที่ประชากรสหรัฐซื้อจากแคนาดาอย่างมีนัยสำคัญ

ก่อนหน้านั้น เมื่อรัฐบาลทรัมป์ชุดแรกเรียกเก็บภาษีเหล็ก และอะลูมิเนียมในปี 2018 รัฐบาลแคนาดาได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีจากสินค้าที่ผลิตในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเครื่องใช้ในบ้าน วิสกี้ และเรือ

ในครั้งนี้ ทรัมป์กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% ต่อสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดาอย่างกว้างขวาง โดยแผนตอบโต้ฉบับร่างที่กำลังพิจารณาในรัฐบาลแคนาดา อาจส่งผลกระทบต่อเกือบทุกประเภทสินค้าที่แคนาดานำเข้าจากสหรัฐ

นอกจากนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐมาจากแคนาดา โดยส่วนใหญ่เป็นน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดา เมื่อเหล่านักข่าวถามว่า แคนาดาสามารถจำกัดการส่งออกพลังงานไปยังสหรัฐได้หรือไม่ เมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบกับสำนักข่าว CTV News ว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจา” 

ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ Inside With Jen Psaki ทรูโดได้กล่าวถึงการตัดสินใจของแคนาดาในการเพิ่มงบประมาณเพื่อความมั่นคงชายแดน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนเฮลิคอปเตอร์ และโดรน โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด “เฟนทานิล” และการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นการตอบสนองข้อกังวลของทรัมป์

“น้อยกว่า 1% ของผู้อพยพผิดกฎหมาย และน้อยกว่า 1% ของเฟนทานิลที่เข้าสู่สหรัฐมาจากแคนาดา ดังนั้นเราไม่ใช่ปัญหา” ทรูโด กล่าว “ที่จริงแล้ว เราได้ตอบสนองต่อคำขอของเขาที่ให้เราทำมากขึ้น ด้วยการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมความมั่นคงชายแดนของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

ทรูโด กล่าวว่า คำพูดเย้ยหยันของทรัมป์เกี่ยวกับการทำให้แคนาดากลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ เป็นสิ่งที่ “ทำให้เสียสมาธิ” จากปัญหาที่สำคัญกว่านั้น

ทั้งนี้ ทรูโดยังคงดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของประเทศจนกว่าสมาชิกในพรรคของเขาจะเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งในวันที่ 9 มีนาคม 2025

สำหรับทรูโดวัย 53 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลา 9 ปี คะแนนความนิยมของเขาลดลงต่ำกว่า 30% เมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก็ลาออกในเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเธอกล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงกลวิธีทางการเมืองที่มีค่าใช้จ่ายสูง และรักษาความสามารถทางการเงินให้พร้อม เพื่อรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น
 

 

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์