กวาดล้างปืน เครื่องกระสุน ทั่วประเทศ ป้องกันเหตุก่อนเลือกตั้ง อบต. 28 พ.ย.นี้
ตำรวจ PCT ปูพรมกวาดล้างปืน เครื่องกระสุนทั่วประเทศ ป้องกันเหตุก่อนเลือกตั้ง อบต. 28 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า ตำรวจ PCT ตร. ได้ร่วมกับ PCT ภ.1-9 ระดมปิดล้อมตรวจค้น 31 เป้าหมายพร้อมกันทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาลักลอบซื้อขายอาวุธปืนทางออนไลน์ 23 ราย ยึดอาวุธปืน 22 กระบอก เครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 1,000 นัด ตัดตอนก่อนถึงวันเลือกตั้งท้องถิ่น 28 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กำชับให้ศูนย์ PCT ทั่วประเทศ เร่งสืบสวนติดตามจับกุม การลักลอบซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน รวมถึงการลักลอบเล่นการพนันทายผลการเลือกตั้งทางออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียนร้อยการจัดเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ ที่ 1 PCT ตร., พร้อมกำลัง บูรณาการกับ PCT ภาค และฝ่ายสืบสวน น., ภ.1-9 เข้าตรวจค้นเป้าหมายทั่วประเทศจำนวน 32 แห่ง เน้นตรวจค้นอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนเป็นหลัก ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 23 ราย ยึดอาวุธปืน 22 กระบอก (ปืน BB Gun ดัดแปลง 1 กระบอก) เครื่องกระสุนปืนรวม 968 นัด ระเบิดปิงปอง 1 ลูก และยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) อีกจำนวน 9,902 เม็ด
จากการสอบสวนเบื้องต้นส่วนใหญ่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าอาวุธปืนและของกลางรายการอื่นๆ เป็นของตน ซึ่งซื้อเก็บไว้ป้องกันตัวและบางรายชอบสะสมโดยใช้การสั่งซื้อทางออนไลน์ แต่อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้มาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ เนื่องจากในการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกครั้งมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการต่อสู้กันรุนแรง สำหรับการตรวจค้นทั้ง 32 จุด ส่วนใหญ่เป็นภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคกลาง ตามลำดับ โดยขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดที่น่าห่วงเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือรายงานเหตุ
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับปืนบีบีกัน จัดเป็นสิ่งเทียมอาวุธ ซึ่งห้ามจำหน่ายหรือค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้ห้ามมีไว้ครอบครอง แต่ถ้าหากมีการนำไป ดัดแปลงเปลี่ยนลำกล้องเพื่อให้ใช้ยิงกับกระสุนจริงได้ ก็อาจจะเป็นอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ดังนั้น เมื่อมีการตรวจพบปืน BB Gun จะมีการทำบันทึกการตรวจยึดเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจพิสูจน์ หากผลการตรวจสอบเป็นสิ่งเทียมอาวุธก็จะได้สอบสวนขยายผลไปยังผู้จำหน่ายหรือผู้ค้าว่าได้รับอนุญาตหรือไม่ หากไม่ได้รับอนุญาต ผู้ขายก็จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานค้าสิ่งเทียมอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่หากผลการตรวจเป็นอาวุธปืน ก็จะมีความผิดฐาน มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกข้อหาหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง อาจมีผู้ไม่หวังดีนำอาวุธปืนมาใช้ก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์เพื่อขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งป้องกันเหตุโดยการระดมสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว หากพบเบาะแส สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 08-1866-3000 หรือ www.pct.police.go.th