แฉขบวนการแอบอ้าง ตัวเเทน KING POWER (THAILAND) หลอกลงทุน จับแล้ว 2 ออกหมายจับอีก 20 ราย
ตำรวจ PCT ลุย! แฉขบวนการแอบอ้าง ตัวเเทน KING POWER (THAILAND) หลอกลงทุน จับแล้ว 2 ออกหมายจับอีก 20 ราย
วันที่ 24 พ.ย.64 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ ตำรวจ PCT , พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชป.ที่ 1 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงให้ร่วมลงทุนกับแพลตฟอร์มที่แอบอ้างเป็นตัวเเทนจากบริษัท KING POWER (THAILAND) มูลค่าความเสียหายกว่าสิบล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชป.ที่ 1 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ได้ร่วมก่อเหตุคดีหลอกหลวงผู้เสียหายผ่านการเข้าไปใช้บริการอ่านข่าวและดูวีดีโอผ่าน แอปพลิเคชั่น ไทยเดลี่ ซึ่งจะมีข่าวโฆษณาเชิญชวนให้สมัครนำเงินมาลงทุนหาค่าคอมมิชชั่น แทรกเข้ามาและเมื่อสนใจกดเข้าไปดู ก็จะส่งลิ้งให้เข้าไปที่กลุ่ม Line open chat ที่ใช้ชื่อบัญชี แสดงตนเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง ทักมาหาและแนะนำชักชวนให้ร่วมลงทุน
โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจาก KING POWER (THAILAND) ฝ่ายบริการ ร่วมมือกับแอพ Shopee และ LAZADA ชักชวนให้ลงทุน สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในตลาดสากล ส่งนำเข้าร้านค้าต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยการลงทะเบียนเข้าหน้าแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อ และรอประมาณ 5-10 นาที ก็จะสามารถถอนเงินได้ทันที โดยลูกค้าจะต้องเข้าแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อให้ครบ 5 นาที เพื่อเป็นการช่วยโปรโมทร้านค้าในแอพออนไลน์ ซึ่งบริษัทการันตีผลตอบแทนปันผลกำไรจากกองทุน 20-30% ของการลงทุนทุกครั้งจากกองทุน ในช่วงแรกๆ ผู้เสียหายสามารถถอนเงินได้จริง จึงเกิดความเชื่อใจในการลงทุน กลุ่มคนร้ายก็จะชวนผู้เสียหายเข้ากลุ่ม VIP เพื่อเพิ่มยอดผลตอบแทน เมื่อผู้เสียหายเข้ากลุ่ม VIP ไปแล้วจะแจ้งว่าเป็นภารกิจคู่ (ทำการลงทุนร่วมกับคนอื่นในกลุ่ม) จำนวน 3 ครั้ง และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ เมื่อจบภารกิจแล้วสามารถถอนเงินได้ โดยระหว่างการลงทุนห้ามออกจากแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อ และจะใช้เวลาทำภารกิจ 1-5 นาที เงินเข้าภายใน 1-3 นาที
จากนั้นเมื่อเสร็จภารกิจผู้เสียหายทำการถอนเงินในระบบ พอทำการถอนเงินแล้ว ถูกปฎิเสธว่าไม่สามารถถอนเงินได้ ระบบจะแจ้งว่าผู้เสียหายทำภารกิจเสร็จเกินเวลาที่ระบบกำหนด กลุ่มคนร้ายที่เป็นแอดมินแจ้งกับผู้เสียหายว่าต้องทำการกู้ข้อมูลจากระบบให้ครบ 100% ถึงจะทำการถอนเงินจากระบบได้ และตอนนี้กู้ระบบได้ 99% ต้องการกู้ข้อมูลที่เหลืออีก 1% โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเพื่อเป็นการกู้ข้อมูลที่เหลืออีก 1% ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วก็ไม่สามารถถอนเงินได้ และเมื่อติดต่อกับ Line open chat ดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อได้กลุ่มดังกล่าวถูกลบ ลิ้งสมัครที่ใช้เข้าระบบก็ถูกปิด จึงทำให้เชื่อว่าถูกหลอกให้ลงทุน ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายแจ้งความกว่า 15 ราย 15 โรงพัก ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าลิ้งสมัครการลงทุนแพลตฟอร์ม “KING POWER (THAILAND)” ปัจจุบันระงับการใช้งานไปแล้ว คาดว่าคนร้ายทำขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายใช้ลงทุน และต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน แบ่งเป็นกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารรับโอนเงิน (บัญชีม้า) จำนวน 21 ราย และกลุ่มคนร้ายที่ดำเนินการในส่วนถอนเงินและรวมเงิน 1 ราย เบื้องต้นสามารถขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารรับโอนเงิน (บัญชีม้า) จำนวน 2 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”สามารถจับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 2 คน และอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อขออนุมัติหมายจับอีก 20 ราย
ผอ. PCT กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใย จึงได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผบ.ตร. เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media เป็นจำนวนมาก