"สุวดี"จี้"รัฐบาล"เร่งผุดแผนรับ"โอไมครอน" หวั่น "ล็อกดาวน์-ปิดประเทศ" อีก
"รองโฆษกไทยสร้างไทย" จี้ "รัฐบาล" ตื่นตัว ประกาศแผนรับมือ เชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" ป้องกันซ้ำรอย "โควิด" ระบาดคลัสเตอร์ที่ผ่านมา เร่ง ปรับสูตรวัคซีน ใช้ mRNA เป็นหลัก หวั่น ล็อกดาวน์ ปิดประเทศอีก
น.ส.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ โควิด สายพันธุ์ โอไมครอน (Omicron) ซึ่งแพร่ระบาดในแถบแอฟริกาใต้ เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลเหมือนกับสายพันธุ์เดลตาก่อนหน้านี้ เนื่องจากพบการกลายพันธุ์เป็นจำนวนมากและบางส่วนมีลักษณะที่น่าวิตกนั้น ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นตัว และเร่งประกาศแผนรับมือโควิดสายพันธุ์โอไมครอนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการระบาดของโควิดในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตัดสินใจที่ล่าช้าของรัฐบาล ออกนโยบายและมาตรการเพื่อควบคุมหรือวางแนวทางการรัยมือการระบาดไม่ทันท่วงที น.ส.สุวดี ยังได้แนะนำให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตาม
แผนงานป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทย ดังนี้
1.ชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และเฝ้าระวังประเทศที่พบการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นวงกว้างต่อเนื่อง
2.ระดมฉีดวัคซีน mRNA ไม่ว่าจะเป็นเข็มแรก เข็มสอง หรือเข็มกระตุ้น ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายระยะห่างมากกว่า 3 เดือน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่หากคนกลุ่มนี้ติดเชื้อแล้ว อาการจะเป็นหนักกว่าคนทั่วไป และภูมิของร่างกายในการป้องกันโควิดได้ลดลงไปไม่สามารถป้องกันไวรัสได้
3.เร่งกระจายวัคซีนและปรับสูตรวัคซีนจากวัคซีนสูตรไขว้มาเป็นวัคซีน mRNA 2 เข็ม เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนประสิทธิภาพดีที่สุด
4.ปรับแผนนำเข้าวัคซีนโดยเปลี่ยนให้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก และเร่งพิจารณาสั่งซื้อวัคซีน mRNA รุ่นใหม่ (2nd generation) ล่วงหน้าโดยเร็ว เพื่อนำมาระดมฉีดเป็นเข็มกระตุ้นให้กับประชาชน โดยเราต้องนำบทเรียนจากการสั่งซื้อวัคซีน mRNA ล่าช้าในครั้งก่อนไม่ให้เกิดขึ้นอีก
น.ส.สุวดี กล่าวว่า ข้อเสนอทั้งหมดนี้ อยู่บนฐานคิดด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่อาจต้องเผชิญกับ สถานการณ์ หัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอีกครั้ง ไม่มีใครอยากเห็นการแพร่ระบาดในประเทศไทย ไม่มีใครอยากเห็นการล็อกดาวน์ การปิดเศรษฐกิจ ปิดประเทศ และไม่มีใครอยากเห็นสภาพที่ระบบสาธารณสุขของเรารองรับผู้ป่วยไม่พออีก ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจ เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะรับแผนงานนี้ไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด