"นายกฯ"สั่งบรรเทาความเดือดร้อนปชช. ได้รับผลกระทบปิด "หัวลำโพง"
"โฆษกรัฐบาล" เผย "นายกฯ" ห่วง ปชช. ได้รับผลกระทบปิด "หัวลำโพง" สั่ง เร่ง เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น กำชับ บรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง "สามารถ" ดักคอ อย่าทิ้งผู้โดยสาร หวั่น ค่าเดินทางพุ่งกระฉูด ไม่ได้รับความสะดวก
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุดโดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น
ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุปการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยการพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหา และวางแนวทางแก้ไขโดยได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จจึงให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาลยืนยันว่า รัฐบาลตั้งมั่นตามแนวนโยบายที่จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะที่ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า อย่าเท ! ผู้โดยสารรถไฟ
หากกระทรวงคมนาคมห้ามไม่ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพง ค่าเดินทางของผู้โดยสารรถไฟชานเมืองจากรังสิต-หัวลำโพง จะพุ่งกระฉูดจาก 6 บาท เป็น 46 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 6.7 เท่า เป็นภาระหนักของผู้หาเช้ากินค่ำ น่าเห็นใจยิ่งนัก
1. ปัจจุบันค่าเดินทางจากรังสิต-หัวลำโพง โดยรถไฟชานเมืองถูกมาก !
ผู้ที่อยู่อาศัยแถวรังสิตและทำงานแถวหัวลำโพง หากต้องการประหยัดค่าเดินทางและเวลา มักเลือกเดินทางโดยรถไฟชานเมืองจากสถานีรังสิตเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ซึ่งมีค่าโดยสารถูกเพียง6 บาทเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที เป็นการลดภาระค่าครองชีพ และประหยัดเวลาเดินทางได้อย่างดี
2. หากห้ามไม่ให้รถไฟชานเมืองวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพง ผู้โดยสารจะทำอย่างไร ?
หากกระทรวงคมนาคมห้ามไม่ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกสถานีหัวลำโพง โดยให้ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ เขาต้องเสียค่าโดยสารจากสถานีรังสิต-สถานีบางซื่อ 4 บาทใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จากนั้นเขาจะต้องเดินทางต่อไปยังสถานีหัวลำโพง ถ้าเขาต้องการไปให้ทันเวลาทำงาน เขาต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหรือ MRT จากสถานีบางซื่อ-สถานีหัวลำโพง ค่าโดยสาร 42 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่เขาต้องเสียเวลารอขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่ออีกประมาณ 10-15 นาที
ดังนั้น เขาต้องเสียค่าเดินทางจากสถานีรังสิต-สถานีหัวลำโพง รวมทั้งหมด 46 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เขาเสียเพียง 6 บาท) รวมค่าเดินทางไป-กลับ 92 บาทต่อวัน ค่าเดินทางนี้ยังไม่รวมค่ารถมอเตอร์ไซค์ และ/หรือค่ารถเมล์ ทำให้เป็นภาระหนักในการดำรงชีพของเขา
3. ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายอื่นก็อ่วมเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างข้างต้นเป็นการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายเหนือและสายอีสานเท่านั้นสำหรับผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายใต้ หากเขาต้องลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ เขาก็ต้องเดินทางต่อไปให้ถึงสถานีหัวลำโพง เช่นเดียวกันกับผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายตะวันออก หากเขาต้องลงรถไฟที่สถานีมักกะสัน เขาก็ต้องเดินทางต่อไปให้ถึงสถานีหัวลำโพง ทำให้เขาต้องเสียค่าเดินทางและเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
4. รถไฟชานเมืองบางขบวนต้องจอดที่ชานเมือง ไม่ให้เข้าบางซื่อ !
การรถไฟฯ วางแผนที่จะให้รถไฟชานเมืองสายเหนือและสายอีสานบางขบวนจอดที่สถานีดอนเมือง สายใต้บางขบวนจอดที่สถานีตลิ่งชัน ไม่ให้เข้าสถานีบางซื่อ จากสถานีดอนเมืองหรือสถานีตลิ่งชัน ผู้โดยสารจะต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อ และจากสถานีบางซื่อจะต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ทำให้ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมาก
เช่น เดิมเสียค่าเดินทางจากดอนเมือง-หัวลำโพง โดยรถไฟชานเมือง 5 บาท แต่ถ้าใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงจากดอนเมือง-บางซื่อ จะเสียค่าโดยสาร 33 บาท และใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจากบางซื่อ-หัวลำโพง ค่าโดยสาร 42 บาท รวมเป็นค่าเดินทางจากดอนเมือง-หัวลำโพง 75 บาท(เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเสียเพียง 5 บาท) รวมค่าเดินทางไป-กลับ 150 บาทต่อวัน ค่าเดินทางนี้ยังไม่รวมค่ารถมอเตอร์ไซค์ และ/หรือค่ารถเมล์
5. ผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สามเสน รพ.รามาธิบดี และยมราช จะเดือดร้อน !
ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองที่เคยลงรถไฟที่สถานีสามเสน ป้ายหยุดรถ รพ.รามาธิบดี และป้ายหยุดรถยมราชจะเดือดร้อน เพราะไม่สามารถลงรถไฟรายทางได้อีกต่อไป เนื่องจากจะไม่มีรถไฟวิ่งเข้าหัวลำโพง ทำให้เขาต้องเสียค่าเดินทางและเวลาเพิ่มขึ้น น่าเห็นใจมากโดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางมาหาหมอที่ รพ.รามาธิบดี
6. รถไฟทางไกลทุกขบวนต้องจอดที่บางซื่อ
รถไฟทางไกลสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ทุกขบวนจะต้องจอดที่บางซื่อ บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อเก่า บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อใหม่ จากสถานีบางซื่อผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สถานีสามเสน และสถานีหัวลำโพง จะใช้รถอะไรเพื่อให้สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ผู้โดยสารเหล่านี้มีสัมภาระมาด้วย หากจะใช้รถไฟฟ้าก็คงไม่สะดวก เพราะในชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟฟ้าจะมีผู้โดยสารแน่น ทำให้เขาต้องรอรถไฟฟ้านาน ถ้าจะใช้รถแท็กซี่จะต้องเสียค่าโดยสารแพง
7. ข้อเสนอแนะ
ผมขอเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดังนี้
7.1 ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพงได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้รถติดที่จุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนน เพราะการรถไฟฯ กำลังจะก่อสร้างทางรถไฟใต้ดินจากบางซื่อ-หัวลำโพง ทำให้ไม่มีจุดตัด
7.2 ใช้สถานีหัวลำโพงควบคู่กับสถานีกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ใครอยู่ใกล้หัวลำโพงก็ใช้หัวลำโพง ใครอยู่ใกล้บางซื่อก็ใช้บางซื่อ
ทั้งหมดนี้ ด้วยความห่วงใยผู้โดยสารรถไฟทุกคน ไม่อยากเห็นใครต้องถูกเท !