น้ำท่วม สุราษฎร์ฯ คลี่คลายแล้ว 4 อำเภอ กระทบ 6,134 ครัวเรือน
แม่ทัพภาค 4 จับมือผู้ว่าฯสุราษฎร์ ลุยน้ำสูงถึงคอ มอบของช่วยชาวบ้านน้ำท่วมล้อมหมู่บ้านที่พุนพิน คลี่คลายแล้ว 4 อำเภอ ยังมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมขังอีก 9 อำเภอ
ความคืบหน้าฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา มีพื้นที่ประสบภัย 13 อำเภอ สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 อำเภอ ยังมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมขังอีก 9 อำเภอ เป็นพื้นที่แถบริมแม่น้ำตาปี 7 อำเภอ และฝั่งเกาะ 2 อำเภอ อ.เกาะพะงัน และ อ.เกาะสมุย มีผู้ได้รับผลกระทบ 6,134 ครัวเรือน จำนวน 18,712 คน ซึ่งล่าสุดได้มีฝนตกลงมาอีกระลอก นั้น
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 2 ธันวาคม ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงเก่า ริมถนนเอเชีย 41 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 และนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมเปิดโรงครัวพระราชทาน มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย และร่วมปรุงอาหารครัวเคลื่อนที่เพื่อส่งแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย จากนั้นได้ลงเรือ นำถุงยังชีพพร้อมยาเวชภัณฑ์เบื้องต้น และอาหารกล่อง แล่นตระเวนส่งมอบให้บ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำตาปี ที่ชุมชนบ้านนาค้อ หมู่ที่ 1 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา พล.ท.เกรียงไกร และนายวิชวุทย์ ต้องการเข้าไปดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ ติดอยู่ตามบ้านภายในหมู่บ้านนาค้อ หมู่ที่ 1 ต.ท่าสะท้อน ที่มีสภาพถูกน้ำท่วมล้อมทั้งหมู่บ้าน แต่เกรงว่าเรือท้องแบนที่แล่นเข้าไปจะเกิดคลื่นซัดกระแทกบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้าน พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 พร้อมนายวิชวุทย์ ตัดสินใจนำคณะลงเดินลุยน้ำที่มีระดับสูงกว่า 150 เซนติเมตร หรือสูงถึงคอ เข้าไปเยี่ยมชาวบ้านสอบถามความเป็นอยู่และมอบถุงยังชีพเป็นที่ประทับใจของชาวบ้าน
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้ภาคใต้ได้รับ ผลกระทบหลายจังหวัดทั้งที่ จ.ชุมพร , นครศรีธรรมราช , พัทลุง และจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้กองทักบกได้เตรียมพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไว้พร้อมสำหรับการช่วยเหลือโดยไม่ต้องรออนุมัติเมื่อเกิดภัย อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ฝนตกเล็กน้อยถึง ปานกลาง แต่น้ำตาปีเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตาปี และให้ทุกหน่วยงานเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็ว เพื่อรองรับน้ำจาก จ.นครศรีธรรมราช ที่กำลังไหลลงมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งได้แจ้งให้ชาวบ้านอย่ารีบขนสิ่งของกลับเข้าบ้านขอรอให้สถานการณ์ปลอดภัยก่อน