"มาดามแป้ง" เร้าแฟนบอลเชียร์ทีมชาติไทยชนเจ้าภาพ ลั่นต้องการเป็นแชมป์
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เร้าแฟนบอลเชียร์ทีมชาติไทยชนเจ้าภาพสิงคโปร์ในศึกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" ค่ำวันนี้ ลั่นต้องการเป็นแชมป์กลุ่ม เพื่อรักษาเส้นทางคว้าแชมป์สมัยที่ 6
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พูดถึงแมตช์ตัดสินแชมป์กลุ่มที่ช้างศึก ทีมชาติไทย จะพบกับเจ้าภาพสิงคโปร์ ในศึกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดสุดท้าย ช่วงเวลา 19.30 น.วันนี้ (18 ธ.ค.2564) ลั่นเราต้องการเป็นแชมป์กลุ่ม เพื่อรักษาเส้นทางคว้าแชมป์สมัยที่ 6
โดยผลงานของทีมชาติไทยลงสนาม 3 นัดชนะรวดเก็บ 9 แต้มเต็มยิง 8 และเสียเพียงประตูเดียว รั้งจ่าฝูงกลุ่มเอ คือผลงานสุดยอดเยี่ยมของ “ช้างศึก” ใน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" หลังผ่าน 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มการันตีเข้ารอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว
โดย 3 แมตช์ที่ผ่านมา เราได้เห็นเพชรเม็ดงามอย่าง "กฤษดา กาแมน" ที่ประเดิมให้ชุดใหญ่ในฐานะปราการหลังที่เล่นเข้าขากับ มานูเอล ทอม เบียร์ห แบบไร้รอยต่อ , วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่เบิกสกอร์แรกในนามทีมชาติได้ ขณะที่แข้งดีกรีเจลีกอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน คือหัวใจสำคัญที่เข้ามายกระดับทีมพร้อมประสานงานกับ ธีรศิลป์ แดงดา จนซัด 4 ประตูจากสองเกมหลัง ขึ้นรั้งดาวซัลโวตลอดกาลของรายการนี้ที่ 19 ประตู
นอกจากนี้ ไทยยังมีจุดเด่นคือการครองบอลเฉลี่ย 3 นัดสูงถึง 71.3% , สร้างโอกาสยิงเฉลี่ยเกมละ 23 หน ในแง่เกมรับโดนยิงตรงกรอบไปเพียงแค่ 4 ครั้งจาก 3 เกมแรก นี่คือการปรับตัวของกุนซืออย่าง มาโน่ โพลกิ้ง ที่นอกจากจะเล่นเน้นรุกบุกแหลก แต่ก็ให้ความสำคัญกับเกมรับ เล่นแบบรัดกุมเช่นกัน
"เกมกับสิงคโปร์ ถือเป็นเกมสำคัญ เพราะมันเป็นเกมตัดสินแชมป์ของกลุ่ม เราไม่ได้ได้เปรียบเท่าไหร่ แม้จะมีประตูได้เสียดีกว่า เพราะพวกเขาเป็นเจ้าภาพ แต่มันสำคัญ ที่เราต้องพยายามรักษาความมั่นใจ ในการคว้าชัยชนะ ก่อนเกมกับรอบรองชนะเลิศ เราต้องชนะให้ได้" มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย เผย
อย่างไรก็ตาม ภารกิจยังไม่จบ เพราะเราต้องการเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม และสร้างสถิติไร้พ่ายในรอบแบ่งกลุ่ม ซูซูกิ คัพ 5 สมัยติดต่อกัน เกมกับ สิงคโปร์ จึงเป็นอีกบททดสอบสำคัญที่จะประมาทไม่ได้
สิงคโปร์ภายใต้กุนซือ ทัตสึมะ โยชิดะ ที่มีประสบการณ์กุมบังเหียนหลายทีมในเจลีก การการันตีเข้ารอบรองชนะเลิศใน ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2012 (ปีดังกล่าว สิงคโปร์ คว้าแชมป์) แม้จะมีอายุเฉลี่ยมากที่สุดในรายการนี้ที่ 27.28 ปี แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือ “ประสบการณ์” ที่หลายๆ คนค้าแข้งอยู่ในไทยลีก ไม่ว่าจะเป็น อิรฟาน ฟานดี้ หรือ ซูลฟาห์มี่ อารีฟิน นอกจากนี้ยังมีศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง อิคซาน ฟานดี้ ที่ยิงไปแล้ว 2 ประตู เป็นรองดาวซัลโวในรายการนี้
สิ่งหนึ่งที่ต้องจับตา สิงคโปร์ ไว้ให้ดีคือ การเล่นเน้นผลตามสไตล์โค้ชญี่ปุ่น เพราะชัยชนะ 3 เกมที่พวกเขาทำได้ มีเพียงเกมล่าสุดกับ ติมอร์ เลสเต ที่ครองบอลและจ่ายบอลสำเร็จมากกว่า แต่เมื่อถึงจังหวะทีเด็ดทีขาดพร้อมจบสกอร์เปรี้ยงเดียวหายทั้งสิ้น นี่คือสิ่งที่เกมรับ “ช้างศึก” ต้องระวังไว้และพยายามอย่าเสียบอลง่ายในแดนตัวเอง
ร่วมเชียร์ “ช้างศึก” ฝ่าด่าน สิงคโปร์สู่รอบรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่ม เพื่อรักษาเส้นทางคว้าแชมป์อาเซียนคัพสมัยที่ 6 ตั้งแต่เวลา 19.30 น.ทางช่อง 7 HD
CR : เฟซบุ๊ก Madam Pang - มาดามแป้ง - นวลพรรณ ล่ำซำ