10 อันดับ กองทุน ‘ผลตอบแทน’ พุ่งแรงสุด ปี2564
กองทุนน้ำมัน แชมป์ผลตอบแทนปี 64 "กองทุนเปิดทหารไทยออยย์ฟันด์" ผลตอบแทนนำโด่ง 78.71% รองมา "กองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ฟันด์" ผลตอบแทน 76.86% แต่พบว่า "กองทุนจิ๋วแต่แจ๋ว" หนึ่งเดียว " กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP" ขึ้นติดอันดับ 3 ด้วยผลตอบแทน 74.03%
ปี2564 ที่ผ่านมานี้ “ทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์” ถือว่าสวนทางเมื่อเทียบกับการเกิดวิกฤติโควิด-19 ครั้งที่แล้ว
โดยราคาในรอบนี้ ส่วนใหญ่ลดลงหลังเกิดโควิด-19 อย่าง "ราคาน้ำมันดิบ"เคยลงไปแตะ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากนั้นราคาค่อยๆ ขึ้น โดยที่ “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับขึ้นไปแตะ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในอีก 1 ปีต่อมา ยิ่งก่อนประชุมโอเปกพลัส( OPEC+) ราคาน้ำมันยิ่งขยับสูงใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 ที่ 74.45 ดอลลาร์ ขณะที่ตลาดการลงทุนอื่นๆยังผันผวนต่อเนื่อง
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า "กองทุนน้ำมัน" ทำผลตอบแทนพุ่งสูงสุด ครองแชมป์ตลอดปี2564
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซด์ “บริษัท มอนิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ (ประเทศไทย)” พบว่า กองทุนที่ทำ”ผลตอบแทน”สูงสุด10อันดับแรก ปี2564 ( ณ 30 ธ.ค.2564) ดังนี้
1.กองทุนเปิดทหารไทยออย์ฟันด์ (TMBOIL) ผลตอบแทน 78.71%
2.กองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ฟันด์ (KT-OIL) ผลตอบแทน 76.86%
3.กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) ผลตอบแทน 74.03%
4.กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ทริกเกอร์ 8% #6 (TOIL6) ผลตอบแทน 66.94%
5.กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ออยล์ (TUSOIL) ผลตอบแทน 66.01%
6.กองทุนเปิดเอ็มเอฟชี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ (I-OIL) ผลตอบแทน 65.80%
7.กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ (TISCOOIL) ผลตอบแทน 63.08%
8.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์ (SCBOIL) ผลตอบแทน 62.28%
9.กองทุนเปิดกรุงศรี ออยล์ (KF-OIL) ผลตอบแทน 62.06%
10.กองทุนเปิดเค ออยล์ (K-OIL) ผลตอบแทน 62.02%
“ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "กองทุนน้ำมัน" มีผลตอบแทนสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันที่เป็นเทรนด์ขาขึ้นไปสู่จุดสูงในรอบ 3 ปี จากความต้องการน้ำมันที่กลับมาเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้กองทุนกลุ่มนี้มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงในรองครึ่งปีแรก
แต่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบมากสุดในระยะยาว แสดงถึงความเสี่ยงโดยธรรมชาติของการลงทุนประเภทนี้ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรเพื่อไม่ให้พอร์ตมีความเสี่ยงมากขึ้นตามน้ำหนักการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมา
แต่ที่น่าจับตามี กองทุนหนึ่งเดียว ซึ่งเป็น"กองทุนหุ้น ขนาดกลาง-เล็ก" เข้ามาติดอันดับ 1 ใน10 กองทุนผลตอบแทนสูงสุดในปี2564 คือ กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) เข้ามาติดอันดับ 3 ด้วยผลตอบแทน 74.03% ถือเป็น "กองทุนจิ๋วแต่แจ๋ว" ด้วย จุดเด่นของกองทุน ใช้กลยุทธ์สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโต (Growth Stock) และผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการบริหารกิจการที่ดี มีการติดตามวิเคราะห์หุ้นเชิงลึก (Bottom up)
กองทุนมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสหกรรม เพื่อลดความผันผวน กองทุนขนาดเล็กมีความยืดหยุ่นและความคล่องตัว ส่งผลให้มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถเลือกหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้
กลยุทธ์การลงทุน "หุ้นขนาดกลางและขนาด" เล็กยังมีโอกาสเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ช่วงเวลาที่ผ่านมาในหลายบริษัทมีแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถปรับตัวได้เร็วกว่า รวมทั้งธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึง New Economy จึงมีผลประกอบการที่ดีกว่า
นอกจากนี้ บริษัทขนาดกลางและเล็กที่มีการบริหารจัดการที่ดี ยังมีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้มากกว่า ทำให้มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ
"ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ "ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนจากวิกฤติโรคระบาด ทำให้เศรษฐกิจในประเทศถดถอยลง แต่ในบางภาคส่วนเล็กๆ ของเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
และ บลจ.ทาลิส ได้คัดสรรการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเหล่านั้น ส่งผลให้กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน ( TLMSEQ) มีผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลางและเล็กในปีหน้า ส่วนใหญ่ผู้จัดการกองทุน มองว่า ไตรมาสแรกของปี2565 มีโอกาสที่ตลาดจะปรับฐานลงมา จากการที่เฟดพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยทำให้ตลาดผันผวนได้ในช่วงต้นปี ดังนั้น แนะว่า เป็นจังหวะที่นักลงทุนจะทยอยเข้าสะสมหุ้นกลางและเล็ก ที่ราคาไม่แพง และแผนธุรกิจเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะบริษัทที่มีแผนความร่วมมือทางธุรกิจกับสถาบันการเงิน น่าจะสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นในปี2565 ต่อเนื่อง