ชาวโคราช อาลัย "สรพงษ์ ชาตรี" ยกย่องเป็นคนดีเปรียบเสมือนพระผู้มีแต่ให้
ชาวโคราช อาลัย ”สรพงษ์ ชาตรี” ยกย่องเป็นคนดีเปรียบเสมือนพระผู้มีแต่ให้ เสียสละเพื่อคนอื่น หลังเสียชีวิตอย่างสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังข่าวการเสียชีวิตของพระเอกชื่อดังและศิลปินแห่งชาติสาขาการแสดง “สรพงศ์ ชาตรี” อายุ 71 ปี แพร่สะพัดออกไปหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดลามกินกระดูกและก้านสมองมาระยะหนึ่งแล้ว บรรยากาศเมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ 10 มี.ค.65 ที่มูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เมตตาบารมี บ้านโนนกุ่ม ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกว่า “วัดสรพงศ์” เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยทางเข้ามูลนิธิฯได้ใช้แผงเหล็กกั้นไม่อนุญาตให้รถยนต์และยานพาหนะอื่นๆเข้าไปภายในโดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เจ้าหน้าที่ประจำมูลนิธิได้เลิกงานและเดินทางกลับบ้านกันหมด
นายชัชวาลชัยโรจน์ สุพรรณนพ คนสนิทผู้ช่วยเหลืองานบุญของพระเอกสรพงศ์ ชาตรี ประจำมูลนิธิฯกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของตนเองรวมถึงในแวดวงการแสดงและวงการพระพุทธศาสนาของประเทศไทย พี่เอกเปรียบเสมือนพระองค์หนึ่งที่มีแต่ให้ เป็นคนดีมากทำทุกอย่างเพื่อบุคคลอื่นโดยเฉพาะการทำนุบำรุงพระศาสนาและเห็นประโยชน์คนอื่นเป็นสำคัญ เสียสละทุกอย่างช่วยคนอื่นมาตลอดโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและที่สำคัญไม่เคยหวังผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จิตใจมีแต่ความเมตตาเผื่อแผ่ให้คนอื่นไม่เคยคิดร้ายใคร สอนให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวเป็นคนดีเสียสละเพื่อส่วนรวม
ด้านพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวการเสียชีวิตของสรพงศ์ ชาตรี จากผู้สื่อข่าว ซึ่งรู้สึกเสียดายบุคคลที่ได้สร้างคุณประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ ทั้งกับวงการภาพยนตร์ไทย และวงการพระพุทธศาสนา เนื่องจากสรพงศ์ เป็นคนที่ทำอะไรแล้วทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสิ่งนั้น ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับดารารุ่นหลัง อาตมาเกิดมาก็รู้จักสรพงศ์ว่าเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งของไทยแล้ว แม้สรพงศ์จะอายุมากขึ้น ก็ยังแสดงภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และที่สำคัญสรพงศ์ ยังได้มาสร้างวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งมีความยิ่งใหญ่และสวยงาม จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนรู้จักไปทั่วประเทศ ไม่เพียงเท่านั้นยังตั้งมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือสังคม และส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ในพระพุทธศาสนา รวมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจึงนับว่าเป็นพระเอกที่มีแต่ให้ โดยให้ทุกอย่างในชีวิตแก่สังคมไทยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ช่วงที่อาตมารู้ข่าวว่าสรพงศ์ฯ ป่วยหนัก ก็พยายามติดต่อขอเข้าไปเยี่ยม เพราะรู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากเคยร่วมกิจกรรมงานสำคัญทางพระพุทธศาสนากันมาโดยตลอด แต่แพทย์ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม จึงได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้สรพงศ์ หายป่วยไวๆ แต่เมื่อทราบข่าวว่าสรพงศ์เสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกเสียดายคนดีๆ ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมไปในครั้งนี้ หลังจากนี้ก็จะได้หารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อที่จะช่วยส่งเสริมให้พื้นที่บริเวณวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อ.สีคิ้ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญของจังหวัด ตามเจตนารมณ์ของสรพงศ์ต่อไป.