"ปุ๋ยแพง" สวนทางราคาถั่วเขียว ทำต้นทุนปลูกพืชผักในปีต่อไปสูงขึ้น

"ปุ๋ยแพง" สวนทางราคาถั่วเขียว ทำต้นทุนปลูกพืชผักในปีต่อไปสูงขึ้น

เกษตรกรเดือดร้อนหนัก โอดครวญราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้น สวนทางกับราคาถั่วเขียวที่ตกต่ำเกือบเท่าตัว ทำต้นทุนที่จะปลูกพืชผักในปีต่อไปสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าได้มีเกษตรกรในหลายพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ประสบปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะถั่วเขียวราคาตกต่ำ ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ อีกทั้งปุ๋ยราคาก็เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนที่จะปลูกพืชผักในปีต่อไปสูงขึ้นทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจึงเดินทางไปตรวจสอบเกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวในพื้นที่ ต.บ้านไร่และต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

นายลิขิต เกยเมือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก เปิดเผยว่า เกษตรกรในพื้นที่ขอตนเองและพื้นที่ ต.บ้านไร่ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกัน เกษตรกรส่วนมากจะปลูกถั่วเขียวหลังเก็งเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ในปีนี้ก็เช่นเดียวกันมีเกษตรกรปลูกถั่วเขียวรวมแล้วประมาณ 2,000 ไร่ ปีที่ผ่านมาถือว่าราคาค่อนข้างดี เกษตรกรพอลืมตาอ้าปากได้ แต่ในปีนี้ปรากฏว่าก่อนการเก็บเกี่ยวได้มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้ถั่วเขียวซึ่งครบอายุการเก็บเกี่ยวแล้วเกิดความชื้น ทำให้ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ โดยปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันราคาจะอยู่ที่ราคา 350 – 400 บาท และก็มีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ แต่ปัจจุบันราคาตกไปอยู่ที่รับซื้อจะอยู่ที่ถังละ 250 – 280 บาท อีกทั้งเกษตรกรต้องขนใส่รถนำไปขายที่ลานตากเอง ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งหากราคายังเป็นอยู่แบบนี้เกษตรกรต้องขากทุนอย่างแน่นอน ไม่มีเงินที่จะไปใช้หนี้ รวมทั้งการผลิตในปีต่อไปก็อาจจะมีปัญหาตามมาอีกด้วย 

เนื่องจากปัจจุบันนี้ราคาปุ๋ยก็เพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 จากปีที่ผ่านมาราคากระสอยละ 700 – 800 บาท แต่ในปีนี้ราคาขึ้นไปรอแล้วกระสอบละ 1,500 บาท จึงอยากจะวิงวอนรัฐบาลได้ลงมาแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ยแพงและราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วในปีต่อไปเกษตรกรก็ไม่รู้จะมีเงินทุนทำการเกษตรหรือไม่ สำหรับราคาถั่วเขียวที่เกษตรกรจะอยู่ได้นั้นจะต้องอยู่ที่ราคาถัง 300- 350 บาทขึ้นไปหากต่ำกว่านี้ถือว่าขาดทุน

นายคูณ เชื่องแสง อายุ 59 ปี เกษตรกรชาวต.บ้านไร่ อ.หล่มสัก เปิดเผยว่าตนปลูกถั่วเขียวประมาณ 50 ไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วและกำลังจะนำใส่รถไปขาย ซึ่งราคาในวันนี้คือ 250 - 280 บาท แต่ก็ไม่รู้จะได้ราคาไหน เพราะถั่วเขียวก็ถูกฝนตกใส่ เกิดความชื้นคาดว่าคงต้องถูกกดราคา และทำใจไว้แล้วว่าปีนี้จะต้องขากทุนไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคารอย่างแน่นอน และนอกจากนั้นปุ๋ยขณะนี้ราคาก็ขึ้นมาเกือบเท่าตัว ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าปีหน้าจะทำอย่างไร

ด้านนายวิเชียร ชมชื่น อายุ 69 ปี เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.บ้านโตก อ.เมืองเพชรบูรณ์เปิดเผยว่า เมื่อก่อนตนปลูกข้าวโพดประมาณ 100 ไร่ แต่เนื่องจากสู้กับราคาปุ๋ย ราคายา ที่มีแต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ราคาข้าวโพดก็แทบจะไม่ขึ้นเลย แถมบางปีราคาก็ตกต่ำ จึงได้หันมาปลูกผักขาย แต่ก็ยังปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ประมาณ 10 กว่าไร่ ในปีนี้ใส่ปุ๋ยไปแล้ว 1 ครั้งเป็นปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 แต่ราคาก็เพิ่มสูงขึ้นมากจากปีที่แล้วกระสอบละประมาณ 1,000 บาท มาปีนี้ กระสอบละ 1,500 บาท และตนเชื่อว่าอาจจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง 2,000 บาทอย่างแน่นอน ตอนนี้ลงทุนไปแล้วหมื่นกว่าบาท แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาขายแล้วจะได้ราคาเท่าไหร่ คุ้มกับการลงทุนหรือไม่ อยากจะฝากรัฐบาลให้ควบคุมราคาทั้งราคาปุ๋ย ราคาข้าวโพดให้สัมพันธ์กันถ้าราคาปุ๋ยเพิ่มสูงขึ้น ราคาข้าวโพดก็จะต้องสูงขึ้นในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ไม่เช่นนั้นเกษตรกรต้องขากทุนและได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน