เบื้องลึกคนสนิท “สมเด็จพระวันรัต” ยักยอกเงินพบรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ
ตำรวจกองปราบปราม เผยเบื้องลึกลูกศิษย์คนสนิทใกล้ชิด “สมเด็จพระวันรัต” ยักยอกเงินวัดบวรนิเวศวิหาร 200 ล้านบาท พบรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ
ภายหลังจากที่ กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำตรวจแห่งชาติ ได้เข้าตรวจสอบ คนสนิทของ “สมเด็จพระวันรัต” อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวรวิหาร กระทั่งจับกุม อดีตไวยาวัจกรวัดและคนใกล้ชิด “สมเด็จพระวันรัต” ยักยอกเงินในส่วนของการบูรณะวัดบวรนิเวศ และวัดสาขา นั้น
หลังตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทราบว่ามีการยักยอกเงินจากวัด ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 โดย นาย น. นามสมมุติ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด ฝ่ายฆราวาสของ “สมเด็จพระวันรัต” ได้ใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน จากนั้น นาย น. ได้นําใบถอนเงินฉบับดังกล่าว มาเขียนจํานวนเงินตามที่ตนเองต้องการ แล้วนําไปแสดงต่อพนักงานธนาคารกสิกรไทยแห่งหนึ่ง เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม 2565 นาย น. ยังคงใช้อุบายหลอกลวงให้ "สมเด็จพระวันรัต" ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน แล้วนํามาเขียนจํานวนเงินตามที่ตนเองต้องการ อีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้ นาย น. ได้มอบหมายให้ผู้ใกล้ชิดของ "สมเด็จพระวันรัต" อีกคนหนึ่งเป็นผู้นําใบถอนเงินฉบับดังกล่าว ไปแสดงต่อพนักงานธนาคารกสิกรไทย เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม แล้วให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายทําธุรกรรมซื้อแคชเชียร์เช็ค ของธนาคารกสิกรไทย สั่งจ่ายให้แก่ นาย น. จากนั้น นาย น. ได้นําแคชเชียร์เช็คไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง
ทางวัดวชิรธรรมารามได้ตรวจพบการทุจริตของนาย น. จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดําเนินคดีกับ นาย น. ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในวันที่ 22 มีนาคม 2565
ต่อมาหลังจากที่เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อให้ดําเนินคดีกับ นาย น. ตามกฎหมายแล้ว ทางวัดบวรนิเวศวิหาร เชื่อว่า นาย น. น่าจะทุจริต เอาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดของวัดบวรนิเวศวิหารไปด้วย ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีคําสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของ "สมเด็จพระวันรัต" อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า "สมเด็จพระวันรัต" ได้เปิดบัญชีเงินฝากส่วนตัว และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไว้กับธนาคารกสิกรไทย จํานวนหลายบัญชี ซึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2564 นาย น. ได้นําสมุดบัญชีเงินฝากจํานวนหลายเล่ม และบัตรประจําตัวประชาชนของสมเด็จพระวันรัต พร้อมโทรศัพท์มือถือของนาย น. มามอบให้บุคคลใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง แล้วสั่งการให้บุคคลใกล้ชิดดังกล่าว นําไปติดต่อกับพนักงานธนาคาร เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในการทําธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากนั้น นาย น.ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเอง ทําธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร มายังบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเหตุให้วัดวชิรธรรมาราม ได้รับความเสียหายเป็นเงินจํานวน 80 ล้านบาทเศษ และวัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับความเสียหายเป็นเงินจํานวน 100 ล้านบาทเศษ รวมความเสียหายของทั้งสองวัด เป็นเงินจํานวนทั้งสิ้น 190 ล้านบาทเศษ
การกระทํา ของ นาย น. จึงเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และ ฟอกเงิน โดยวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดําเนินคดีกับ นาย น. ในวันที่ 1 เมษายน 2565 โดยเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้ดําเนินการออกหมายจับ นาย น. และสามารถ จับกุมตัวนํามาดําเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว
ภายหลังจากการตรวจค้นบ้านพักของ นาย น. พบทรัพย์สิน เป็นจํานวนมาก อาทิ รถยนต์หรู ยี่ห้อเบนลี่ ยี่ห้อปอร์เช่ ยี่ห้อวอลโว่ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ยี่ห้อเล็กซัส , เงินสด , เงินฝากในบัญชี , อสังหาริมทรัพย์ , กระเป๋าแบรนเนม , พระเครื่องทองคํา