"โควิด-19" ไม่จบ ติดเชื้อ-ฉีดวัคซีนไม่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แถมติดซ้ำ

"โควิด-19" ไม่จบ ติดเชื้อ-ฉีดวัคซีนไม่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แถมติดซ้ำ

"หมอธีระวัฒน์" ชี้ "โควิด-19" ไม่จบง่ายๆ ติดเชื้อ-ฉีดวัคซีนไม่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แถมติดซ้ำใหม่ได้อีก

วันที่ 5 เมษายน 2565 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ หมอธีระวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงสถานการณ์โควิด-19

 

 

โดย "หมอธีระวัฒน์" นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ระบุว่า "คิดว่าจบ แต่ก็ไม่จบ คนไทยต้องตาสว่าง ดูรอบด้าน"

 

1. ตอนแรกเราก็คิดว่าโอไมครอนมาแล้วจบ แต่กลายเป็นว่า BA1 พอจบ ต่อด้วย BA2 ยังไม่ทันจบ มีตัวแทรก คือ X แบบควบสาย ขี่ข้ามสาย เดลต้ากับโอไมครอน หรือแบบควบกันเองในสายย่อยโอไมครอน ขณะที่ omidelta ขี่ควบข้ามสายแม้จะเกิดขึ้นแต่ หวังว่าไม่เก่งนัก หวังว่าไม่มี Selective advantage มาก 

 

2. เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเมื่อใดที่มีการติดเชื้อแพร่กระจายไปเรื่อยๆไม่หยุดยั้งจะส่งเสริมให้ไวรัสมีการปรับตัวไปเรื่อยๆ เกิดสายต่างๆกัน

 

3. การติดเชื้อไปแล้ว ฉีดวัคซีนซ้ำซากไปแล้ว ไม่สามารถทำให้เกิด "ภูมิคุ้มกันหมู่" และไม่สามารถป้องกันการติดซ้ำใหม่ได้ โดยที่แม้จะมีภูมิในประชากรไปมากกว่า 70% ก็ตาม ไม่สามารถสงบการระบาดของโควิดได้ เหมือนกับโรคอื่น ที่เมื่อคนที่มีภูมิ ก็ไม่ติดเชื้อใหม่ ไม่แพร่ต่อ และโรคก็จะสงบไปเอง (แถลงจาก NIH สหรัฐฯโดย Dr Fauci 31 มีนาคม 2565)

 

 

4. ขณะเดียวกัน ทุกคนหวังว่าการติดเชื้อไปก่อนหน้า และการฉีดวัคซีนซ้ำซากถึงแม้จะป้องกันการติดใหม่ไม่ได้ก็ตาม แต่ลดอาการหนักและตาย แต่ในประเทศเกาหลีใต้ที่มีการฉีดวัคซีนครบและมีเข็มกระตุ้นมหาศาล อัตราอาการหนักและเสียชีวิตสูงมาก และเช่นเดียวกันจากบทเรียนในปี 2020 ที่พื้นที่ในเขตอเมซอน ที่มีการติดเชื้อตามธรรมชาติที่คิดว่าจะได้ภูมิดีที่สุด เมื่อสายพันธุ์เปลี่ยน ติดเชื้อใหม่ก็มีอาการรุนแรงและตายเหมือนเดิม

 

ดังนั้นถ้าจะฉีดวัคซีนต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงให้มากที่สุดโดยการฉีดเข้าชั้นผิวหนังที่ใช้ปริมาณน้อยกว่า ได้ผลแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพราะมีกลไกการทำงานต่างกัน

 

5. การควบคุมขณะนี้ไม่สามารถใช้กลยุทธ์วัคซีนอย่างเดียวได้ต้องควบคู่กับการรักษาที่เข้าถึงได้ทุกคน ทั่วถึงตั้งแต่นาทีแรกที่รู้ว่ามีติดเชื้อ และต้องตระหนักว่ายาที่ใช้ในปัจจุบันที่มีกลไกออกฤทธิ์เดี่ยว ที่ตำแหน่งเดียวของวงจรไวรัส อาจมีประสิทธิภาพลดลงจากรายงานในประเทศต่างๆจึงมียาราคาแพงออกมาตลอดเวลา รวมทั้งการใช้โมโนโคลนัลแอนตี้บอดี้ ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสายพันธุ์

 

6. ยาบ้านๆของไทยและยาถูกพี่หมดสิทธิบัตรแล้วที่ใช้กันในหลายประเทศทั่วโลก และสามารถใช้ในการป้องกัน และรักษาทันทีเมื่อติด ต้องนำมาพิจารณาอย่างรีบด่วน การอิงตามคำแนะนำของต่างประเทศที่ผลิตยาแพงและผลิตวัคซีนอย่างเดียว ต้องหันมาพิจารณาหลักฐานและข้อมูลในสถานการณ์จริงด้วย

 

ยาถูกๆที่กล่าวว่า "ใช้ไม่ได้ผล" แท้ที่จริงแล้วให้ช้าไปหรือไม่แทนที่จะให้ตั้งแต่ต้น กลับให้เมื่อเกิดอาการไปแล้วภายในเจ็ดวันและให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น