MC ประเดิมปีบัญชี 2567 ไตรมาสแรกโชว์กำไร 129 ล้านบาท
"แม็คกรุ๊ป" หรือ MC เดินหน้าโชว์กำไรติดต่อกันทุกไตรมาส ประเดิมไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 อวดกำไร 129 ล้านบาท
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ "แม็คยีนส์" เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2566) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 129 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท
"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไม่ได้ฟื้นตัวตามที่คาด เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ลดลงมาอยู่ที่ 55.7 ในเดือนกันยายน 2566 จาก 56.1 ในเดือนมิถุนายน 2566 ซ้ำยังเจอกับปัญหาเรื่องสงครามและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ แม็คกรุ๊ป ยังสามารถสร้างผลงานและมีกำไรสุทธิติดต่อกันทุกๆ ไตรมาส เนื่องจากมีการบริหารจัดการและมีกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย การบริหารสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจับมือกับพันธมิตร นำเสนอคอลเลกชันใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 759 ล้านบาท"
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวต่อไปว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากกำลังซื้อที่กลับมา ทั้งในช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ร้านค้าปลีก (Free-standing Shop) ที่เป็นช่องทางหลัก มีสัดส่วนกว่า 66% มีรายได้ 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) สัดส่วน 11% มีรายได้ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.1% และห้างสรรพสินค้า (Department Store) สัดส่วน 19% มีรายได้ 170 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน การเปิดประเทศ รวมไปถึงการขยายช่องทางขายอย่างต่อเนื่อง
"บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) ให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 ปีนี้ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 66% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 64.6% สืบเนื่องจากประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการค่าใช้จ่ายในการขายที่ดี"
ทั้งนี้ ฐานะการเงินของ MC ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 มีเงินสดรวมทั้งสิ้น 1,675 ล้านบาท และยังคงเป็นบริษัทฯ ที่มีสถานะไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2567 ให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 มิถุนายน 2566 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่ม 129 ล้านบาท