เทศกาลโมโตจีพี กับการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของอีสาน
ผู้เขียนเพิ่งกลับมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ ในช่วงฤดูหนาวภาคอีสานอากาศเย็นสบายไม่แพ้ภาคเหนือเลย ผู้เขียนได้มีโอกาสไปนครพนมและบุรีรัมย์ ทำให้เห็นว่าสองเมืองนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
นครพนมซึ่งเคยเป็นเมืองปิดกลับกลายเป็นเมืองเปิดสู่การค้า เป็นอีกประตูหนึ่งที่จะเดินทางไปสู่ประเทศเวียดนาม อีกทั้งภูมิทัศน์ของเมืองยังมีแม่น้ำโขงไหลผ่านเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร มีเส้นทางจักรยานเรียบริมโขงที่สวยงาม
ทำให้นครพนมที่นอกจากจะมีพระธาตุพนม อันเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแล้ว ยังมีภูมิทัศน์งดงามท่ามกลางความสงบและความรื่นรมย์เหมาะกับการท่องเที่ยวอย่างมีไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักการปั่นจักรยาน เมืองนี้น่าจะเป็นกลายเป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเวลาอีกไม่นานนัก
อีกเมืองหนึ่งซึ่งเคยเป็นเมืองรอง ในขณะนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้วก็คือบุรีรัมย์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นำได้เปลี่ยนให้บุรีรัมย์ซึ่งเดิมเป็นเมืองที่แทบจะยากจนที่สุดในประเทศไทยกลายเป็นเมืองที่มีอนาคต
และอีกไม่นานก็จะมีการจัดแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบในเทศกาลโมโตจีพี (MotoGP) สนามแรกของ ค.ศ. 2025 นี้ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นเนล บุรีรัมย์
เทศกาลนี้จะยิ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยและบุรีรัมย์ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง รัฐบาลจึงน่าที่จะใช้โอกาสของการจัดเทศกาลนี้ ในการนำเอาวัตถุดิบที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเข้ามาร่วมนำเสนอด้วย
จริงอยู่ที่เรามีวัตถุดิบทางวัฒนธรรมอยู่มาก เช่น อาหารไทย มวยไทย ผ้าไหมไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าวัตถุดิบเหล่านี้จะสามารถส่งไปขายทั่วโลกได้ทันที เหมือนการขายสินค้าอื่น ๆ แต่จะต้องมีกิจกรรมการตลาดเพื่อจุดพลุ
โดยเฉพาะอีเวนต์ที่เป็นแม่เหล็กดึงความสนใจของผู้คนทั่วโลกให้หันมาโฟกัสประเทศไทยก่อน แล้วจึงค่อยนำเสนอของดีหลายสิ่งที่ไทยมีให้ค่อย ๆ กลายเป็นซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์โดยตัวเองในอนาคต
เทศกาลโมโตจีพีนี้ เป็นโอกาสที่จะได้นำเอาอัตลักษณ์ของไทยมาเผยแพร่ทั้งในลักษณะของความดั้งเดิมและการประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างกลุ่มหมอลำที่สามารถประยุกต์ใช้ทั้งแสง สี และเสียงดนตรีแบบร่วมสมัยเข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารกับโลกสมัยใหม่
ซึ่งผู้เขียนคิดว่าการนำเสนอหมอลำอินเตอร์ ถ้าปรับเพลงให้มีภาษาต่างชาติเพิ่มเข้ามาบ้าง น่าจะเหมาะกับเทศกาลแบบนี้ เพียงแต่ต้องระวังการชกต่อยซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีหมอลำ
ใครจะรู้ได้ในอนาคตอาจจะมีคณะนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเซิ้งกับคณะหมอลำไทยเป็นเทศกาลประจำก็ได้
ส่วนมวยไทยนั้นก็มักจะจัดตอนกลางคืนในเทศกาลนี้อยู่แล้ว แต่น่าจะเพิ่มบูธสินค้าที่ขายไปพร้อมกับมวยไทย เช่น โฆษณาการเรียนการสอนค่ายมวยไทยในจังหวัดต่าง ๆ ข้าวกล้องอินทรีย์ สมุนไพร ลูกประคบ และรัดประคดผ้าไหมสำหรับนักมวย ฯลฯ
มีลานให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะมาทดลองการต่อย การจัดแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น รวมถึงการนำผ้าไหมมาเสนอเป็นแฟชั่นร่วมสมัยสำหรับผู้ชายและชาวสายรุ้งด้วย
และที่สำคัญอย่าลืมขายกางเกงลูกชิ้นของบุรีรัมย์ หรือจะเป็นกางเกงภูเขาไฟ อาหารทานเล่นอย่างลูกชิ้นยืนกินที่คุณลิซ่าสาวงามบุรีรัมย์ซึ่งไปมีชื่อเสียงก้องโลกแล้วได้ช่วยการตลาดจนเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ไปแล้ว
ในเทศกาลโมโตจีพีที่ผ่านมานั้นมีประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในเทศกาลไม่ต่ำกว่า 200,000 คน และในจำนวนนี้ประมาณ 50,000 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ และจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในบุรีรัมย์หลายวัน
ในขณะที่ตัวเมืองบุรีรัมย์นั้นมีที่พักอยู่ประมาณ 6,000 ห้อง หมายความว่าในช่วงที่มีเทศกาลนั้นเมืองก็จะอัดแน่นไปด้วยผู้คน หรือในภาษาพูดจะเรียกได้ว่าเมืองแทบแตก
โดยนักท่องเที่ยวจะต้องกระจายไปยังจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจอันดีของจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พักบริเวณเขาใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมาและสุรินทร์ ซึ่งจะเกิดความต้องการทั้งที่พัก อาหาร และการขนส่งอย่างมโหฬาร
บุรีรัมย์จึงต้องมีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ มีความเข้มแข็ง ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และมีความร่วมมือแบบบูรณาการกันในทุกด้านเพื่อไม่ให้เกิดคอขวด โดยเฉพาะการขนส่งซึ่งจำเป็นจะต้องมีการนำแท็กซี่ และ Grab จากต่างจังหวัดเข้ามาร่วมด้วย
ความคิดสร้างสรรค์ที่บุรีรัมย์ใช้อาจถอดแบบไปใช้ในจังหวัดอื่นได้ เช่น รูปแบบการขนส่งที่น่าสนใจของบุรีรัมย์ที่เคยทำอยู่เดิม คือ การนำรถอีแต๋นเข้ามาขนส่งนักท่องเที่ยว ระหว่างสนามบินกับที่พัก ซึ่งนับว่าเป็นความริเริ่มที่น่าสนใจและกระจายผลประโยชน์ไปให้คนท้องถิ่นได้อย่างยิ่ง
อีกทั้งการนำเสนออาหารที่ได้ขนเอาอาหารที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นและการนำชาวบ้านเข้ามาช่วยจัดอาหาร ก็นับว่าเป็นอีกความริเริ่มที่ลงไปถึงเศรษฐกิจฐานราก
ในขณะเดียวกัน ในอนาคตอาจจะต้องมีการเพิ่มการยกระดับคุณภาพ ความหลากหลาย และความปลอดภัยในอาหารที่จะนำมาใช้บริโภคด้วย
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ "คอขวด" ที่เกิดจากการบริหารของรัฐ ขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ที่เชียงใหม่ คือ มีการปิดถนนเพิ่มเติมเพื่อให้คนมาเที่ยวได้เดินอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่รัฐลืมไปว่าการปิดถนนโดยไม่ได้บอก Google Maps
ทำให้มีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่ต้องการมารับประทานอาหารในเมืองนั้นไม่สามารถเข้ามาในร้านอาหารได้ อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้ Google Maps แล้ว ดังนั้น การบริหารจัดการด้วยวิธีนี้จึงทำให้ร้านอาหารภายในเมืองขาดรายได้ไปเป็นอันมาก
อย่างไรก็ตาม การเป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีความยั่งยืนยังจะต้องอาศัยการลงทุนของรัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และอาศัยเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนอยู่อีกมาก
ข้อสำคัญในการพัฒนาคือไม่ควรแบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งสี ควรร่วมด้วยช่วยกันเร่งเครื่องและขับเคลื่อนเครื่องยนต์ของประเทศที่อ่อนแรงลงทุกวันให้ตีตื้นขึ้นมาได้ เพราะอีกไม่นานเศรษฐกิจของเวียดนามก็จะนำหน้าไทยไปแล้ว
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ก็อยากจะพูดว่า ถ้าอยากจะมีกาสิโนเพื่อเล่นการพนันแล้วนั้นไม่มีความจำเป็นสำหรับประเทศไทย ควรจะเอาเงินที่ว่านั้นมาลงทุนในด้านการกีฬาจะดีกว่า เพราะทุกวันนี้เรามีการพนันในทุกครั้งที่มีการแข่งกีฬาอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นมวย ฟุตบอล รถแข่ง หรือแม้แต่เรือยาว อีกทั้งเงินที่พนันก็ยังจะอยู่ในเมืองไทยอีกด้วย
เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเทศกาลเช่นนี้ก็คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่าปล่อยให้มาเฟียทั้งในและนอกประเทศมาดวลปืนกันจนทำให้ประเทศมีชื่อเสียงเลื่องลือในฐานะฮับของมาเฟียก็แล้วกัน!!
“ถ้าใครมีโอกาสไปงานโมโตจีพี อย่าลืมแวะร้าน BOB (Best of Buriram) Shop ซึ่งขายสินค้า OTOP ของจังหวัด มีทั้งข้าวหอม ข้าวกล้อง กุ้งจ่อม ขาหมูลือชื่อของบุรีรัมย์ เสื้อและกางเกงลูกชิ้น ฯลฯ นะคะ”