“NIA-ยูเอ็น วูเมน” เผยรายชื่อ 9 นักธุรกิจหญิง ต้นแบบขับเคลื่อน SHEconomy
“เอ็นไอเอ - ยูเอ็น วูเมน” เปิดทางผู้นำนวัตกรรมหญิงสู่ความเท่าเทียมในระบบจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมกระตุ้นพลังสตรีทวีบทบาทเศรษฐกิจ ผ่าน 9 นักธุรกิจหญิงแกร่งแห่งวงการ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) มุ่งยกระดับความสามารถและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการสร้างธุรกิจฐานนวัตกรรมให้แก่ผู้ประกอบการหญิงในภาควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
โดยการนำหลักสูตรยกระดับความสามารถผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นธุรกิจฐานนวัตกรรม รุ่นที่ 3 (SME to IBE 3) และกิจกรรม Accelerator Pitching Day เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ WE RISE Together
เพื่อยกย่องผู้ประกอบการหญิงที่เป็นเจ้าของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (MSMEs) ที่โดดเด่นที่สุด 9 ท่าน สู่การเป็นต้นแบบและแรงผลักดันที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผู้หญิง สามารถเข้าถึงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเอกชนอย่างเท่าเทียม
พร้อมเพิ่มโอกาสทางการตลาด สร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรมผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจฐานนวัตกรรมของ NIA และ UN Women โดยมีรัฐบาลออสเตรเลียให้การสนับสนุนผ่านโครงการความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขง-ออสเตรเลีย
กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อํานวยการสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทุกวันนี้ผู้หญิงมีบทบาททางสังคมและเศรษฐกิจมากขึ้น องค์กรทั้งในและต่างประเทศมีผู้หญิงเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นบุคคลสำคัญ ผู้นำประเทศ
และใน “ภาคส่วนนวัตกรรม” ก็มีผลงานด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมที่มีผู้หญิงเป็นผู้ขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นทุกปี
NIA เข้าใจถึงเทรนด์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์โลก และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม
จึงได้นำหลักสูตรยกระดับความสามารถผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นธุรกิจฐานนวัตกรรม รุ่นที่ 3 (SME to IBE 3) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ WE RISE Together
เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการสร้างธุรกิจฐานนวัตกรรมให้แก่ผู้ประกอบการผู้หญิง ผลักดันการเข้าถึงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเอกชนอย่างเท่าเทียมเพื่อช่วยขยายโอกาสทางการตลาด
รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรมของ NIA และองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ และเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women ที่จะเป็นโอกาสการต่อยอดธุรกิจ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจฐานนวัตกรรม
ในปีนี้มีผู้ประกอบการสนใจโครงการนี้มากกว่า 200 บริษัท และผ่านเข้าสู่ Accelerator Program จำนวน 41 บริษัท และได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ประกอบการหญิงที่ศักยภาพ 9 บริษัท มานำเสนอแผนเพื่อให้เห็นโอกาสและการเติบโตก่อนเข้าสู่ตลาดต่อไป ได้แก่
ณกัญญ์ศิริ สิงทอง จากบริษัท คินเซน 2019 (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์เส้นโปรตีนอกไก่นุ่ม
พีรดา ศุภรพันธ์ จากบริษัท เทสเต็ดเบ็ตเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์แป้งเสริมอาหารน้ำตาลต่ำ
กชพร จันทร์แก้ว จากบริษัท เอสเคซีเฮ้าส์แลนด์เอ็กซ์พอร์ตกาดผัดเทรด จำกัด ผู้ผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอ แปรรูปสิ่งทอผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น
ทรงกลด วิมลรัตน์ จากบริษัท จีรัง คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้คิดค้นโปรแกรมบริหารงานบุคคลแบบมืออาชีพ
ณัชชา วงษ์วิฑิต จากบริษัท โซลบาวด์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ไออุ่น ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและออร์แกนิคสำหรับเด็ก
พท.ว.ภ.รังษิยา จิวะรังสรรค์ จากบริษัท กู๊ดแกนิค จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สมุนไพรกู๊ดแกนิค
สุนันทา ตั้งอรุณฉาย จากบริษัท ทราฟฟิก อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ชุดชั้นใน Clover
ศิริกาญจน์ พลแดง จากบริษัท ฟิวเจอร์ บั๊กส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์เอราวัณคริสปี้ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากแมลง
กาญจนา ศรีเดช จากบริษัท อินโน แลป สตูดิโอ จำกัด ผู้ผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสทจากดักแด้ไหม
“งาน Accelerator Pitching Day เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ WE RISE Together ซึ่งส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงความเสมอภาคทางเพศ (Gender-Responsive Procurement) ในประเทศไทยและเวียดนาม เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างให้แก่ธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ
ดังนั้น กิจกรรมที่จัดขึ้นจึงเป็นมากกว่างานเฉลิมฉลอง แต่ยังเป็นการยกย่องความมุ่งมั่น นวัตกรรม และความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการหญิง
ผู้ประกอบการหญิงที่โดดเด่นทั้ง 9 ท่าน นี้มีทักษะทางธุรกิจที่เฉียบแหลม อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในฐานะนักธุรกิจที่คำนึงถึงความเสมอภาคทางเพศในโลกของการทำงาน
และเพื่อเป็นการสนับสนุน MSMEs ทั้ง 9 บริษัทนี้ให้เติบโตต่อเนื่อง โดยทั้ง 9 บริษัทจะได้รับการสนับสนุนด้านการจับคู่ธุรกิจจากโครงการเพื่อผลักดันให้บริษัทเหล่านี้ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการหญิงที่มีศักยภาพให้มีโอกาสทางการตลาดอย่างทั่วถึง
และเท่าเทียม
กริชผกา กล่าวทิ้งท้ายว่า การผลักดันกิจกรรมนี้ยังสอดรับกับเทรนด์ SHEconomy หรือ เศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนโดยผู้หญิง ซึ่งเป็นหนึ่งใน Global Mega-trends ที่กำลังมาแรง และโตขึ้นในทุก ๆ ปี จากทั้งผู้พัฒนาธุรกิจและกำลังซื้อผู้หญิงที่เพิ่มมากขึ้น
ในอีกราว 7 ปี หรือปี 2573 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ราว 46 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.0% และนวัตกรรม – เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะขับเคลื่อนให้เทรนด์นี้เติบโตมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างให้ผู้หญิงได้กลายเป็นผู้กำหนดเทรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
ด้าน ศุภพิมพ์ วัณโณภาศ ผู้ประสานงานโครงการ WE RISE Together, องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า โครงการนี้มีพันธกิจอย่างแน่วแน่ในการจัดการกับความไม่เท่าเทียมทางเพศที่ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจ การตลาด และการจัดซื้อจัดจ้างทั่วโลก
อย่างที่หลาย ๆ ท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่ากิจการที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของได้รับส่วนแบ่งเพียงร้อยละหนึ่ง ร้อยละ 1 เท่านั้นจากมูลค่าตลาดของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
UN Women และ WE RISE Together จึงมุ่งหวังที่จะเสริมศักยภาพสตรีในประเทศไทยและเวียดนาม เพื่อการเข้าถึงตลาดอย่างเท่าเทียม กระจายความเป็นผู้นำทางการตลาด และได้รับประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดอันกว้างใหญ่นี้อย่างทั่วถึง.