บทเรียนราคาแพง 'เอมี่' พ้นคุกได้ทนายดีช่วย?
เธอหายไปนาน 11 เดือน สำหรับนางเอกสาวเคยเป็นดาวรุ่ง "เอมี่" อาเมเรีย จาคอป ดาราลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ โด่งดังจากละครเรื่องธิดาวานร ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
ก่อนอื่นขอเท้าความว่า อาเมเรีย และแฟนหนุ่ม ปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ ถูกฟ้องในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนยาไอซ์และยาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย กรณีเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2560 จำเลยทั้งสองร่วมกันมียาไอซ์ หนัก 70 กรัม และยาอีจำนวน 16 เม็ดไว้ในครอบครอง พร้อมเครื่องชั่งน้ำหนัก 1 เครื่อง อุปกรณ์ในการเสพจำนวนหนึ่ง ในชั้นพิจารณาคดีนายปุณยวัจน์ ให้การรับสารภาพโดยตลอดข้อหา ส่วนน.ส.อาเมเรีย รับสารภาพเฉพาะเสพยาเสพติด แต่ให้การปฏิเสธข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลพิพากษาให้จำคุกนายปุณยวัจน์ 25 ปี 4 เดือน 15 วัน และปรับ 750,000 บาท
ส่วนนางเอกเอกสาว ได้ต่อสู้คดีจนฟังได้ว่า มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน และตรวจสารเสพติดจำเลยทุกครั้งที่มารายงานตัว รวมทั้งให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์รวม 24 ชั่วโมง โดยน.ส.อาเมเรียถูกควบคุมตัวตั้งแต่ชั้นสอบสวนรวมถึง 11 เดือน
ประเด็นเรื่องถูกควบคุมตัวตั้งแต่ชั้นสอบสวนรวมถึง 11 เดือนนั้น "ธวัชชัย ไทยเขียว" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม บอกว่าอาเมเรียสามารถเข้ายื่นคำร้องขอรับการชดเชยกรณีถูกควบคุมตัวในเรือนจำเกินกว่าคำพิพากษาได้ โดยต้องมายื่นคำร้องต่อสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อให้คณะอนุกรรมการพิจารณาว่าจะได้รับเงินชดเชยหรือไม่ หากอนุมัติให้จะได้รับการชดเชยโดยคำนวณเป็นรายวันตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำของพื้นที่เกิดเหตุ
"ที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีจำเลยถูกควบคุมตัวเกินกว่าโทษตามคำพิพากษามาขอรับการชดเชยเยียวยา แม้กองทุนยุติธรรมจะให้ความช่วยเหลือหลักทรัพย์ประกันตัวแก่ประชาชนที่มีฐานะยากจน แต่ในคดีที่มีโทษสูงพนักงานสอบสวนอาจคัดค้านประกันตัว และศาลอาจไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นการพิจารณาคดีศาลเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอจะลงโทษในข้อหาหนัก จึงเป็นเหตุให้จำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีนานกว่าโทษตามคำพิพากษา" โฆษกกระทรวงยุติธรรม ระบุ
หลังพ้นคุก "เอมี่" เปิดใจที่สำนักงานกฎหมายษิทรา เบี้ยบังเกิด จ.สมุทรสาคร ว่าหลงผิดเสพยาเสพติด ซึ่งไม่ขอกล่าวโทษใคร เพราะถ้ามีใครนำมาให้แต่ตนไม่สนใจไม่ริอยากลองอยากรู้ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และก็คงไม่ต้องจบอนาคตแบบนี้ ขอโทษพ่อแม่ ผู้มีพระคุณในวงการบันเทิงและสังคมด้วย
"ได้รับโทษเป็นบทเรียนราคาแพงแล้ว พร้อมกันนี้ก็ขอขอบคุณทางทนายตั้มที่ให้ความช่วยเหลือ จนศาลพิจารณายกฟ้องในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติด..และเดินหน้าทำงานร่วมกับทีมทนายประชาชนในการเข้าไปให้ความรู้แก่นักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ในโครงการพี่สอนน้อง เพื่อสอนให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้โทษภัยของยาเสพติด และชีวิตที่ไม่สวยหรูในเรือนจำ ส่วนเรื่องของการกลับเข้าสู่วงการบันเทิงนั้นยังไม่คิด"
สำหรับ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็โด่งดังจากการทำคดีแย่งชิงสลากฯ30ล้าน ซึ่งเขาบอกว่าหลังจากเอมี่ถูกจับกุม ทางครอบครัวได้ขอให้ทีมงานทนายประชาชน เข้าช่วยในการเดินหน้าต่อสู้คดีในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งทางเอมี่ยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริง แต่ไม่เคยค้ายาเสพติด ดังนั้นจึงได้ต่อสู้ในประเด็นนี้มาตลอดและมีการพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จนกระทั่งศาลมีนบุรี พิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรยกฟ้อง
แน่นอน นี่เป็นบทเรียนราคาแพงของเอมี่ ซึ่งวันที่ถูกจับ (19 ก.ย.60) เธอบอกว่า ขณะนั้นแม่อยู่ภูเก็ต พ่ออยู่ที่ฮอลแลนด์ และแม่เมื่อรู้เรื่องถูกจับก็หัวใจสลายแต่ให้อภัย เพิ่งคบหากับแฟนหนุ่มได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น ก่อนแฟนหนุ่มจะย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้าน และไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มจะมียาเสพติดเข้ามาในบ้านเยอะขนาดนี้ อีกทั้งยอมรับว่าที่ผ่านมาตัวเองได้เสพจริง แต่ไม่เคยมีการชักชวนเพื่อนในวงการบันเทิงเข้ามาร่วมเสพ
แม้ว่าเธอเสี่ยงโทษหนัก แต่เคราะห์ดีได้ "ทนายตั้ม" มาแก้ข้อหาจนหลุดผิดแค่เสพไม่ได้ขาย แต่เพราะมีอัตราโทษสูงจึงถูกคัดค้านประกันต้องขังนาน 11 เดือน จึงเป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าคิดว่าแค่เสพแล้วโทษเบา เพราะคนที่พาเราเสพอาจนำไปสู่โทษหนักก็ได้.. ถ้าไม่ริไม่ลองก็ไม่เสี่ยงแน่นอน