'สมคิด' หนุนเอ็กซอน หาพื้นที่โรงงานปิโตรฯ

'สมคิด' หนุนเอ็กซอน หาพื้นที่โรงงานปิโตรฯ

เอ็กซอนเลือกมาลงทุนเพิ่มในพื้นที่อีอีซี และได้ยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว "สมคิด" จี้กนอ.ศึกษาพื้นที่ตั้งโรงกลั่นและแครกเกอร์แห่งใหม่ของเอ็กซอน โมบิล หลังยื่นขอบีโอไอแล้ว ปักหมุดลงทุนอีอีซีลงทุน 3 แสนล้านบาท

ผู้บริหารบริษัทเอ็ก ซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น และผู้บริหารบริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ลงทุนในไทย เข้าหารือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี เพื่อติดตามความคืบหน้าการขยายพื้นที่ลงทุนตั้งโรงผลิตแครกเกอร์ในบริเวณใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

นายสมคิด เปิดเผยว่า วานนี้ (21 มี.ค.) นายเจเรมี โรเบิร์ต ออสเตอร์สต๊อก ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเอสโซ่ได้เข้ามาหารือถึงความก้าวหน้าเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันและโรงผลิตแครกเกอร์สำหรับผลิตปิโตรเคมี มูลค่าการลงทุน 3 แสนล้านบาท ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ได้เลือกมาลงทุนเพิ่มในไทยและได้ยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้ว

\'สมคิด\' หนุนเอ็กซอน หาพื้นที่โรงงานปิโตรฯ

ทั้งนี้ เอสโซ่สอบถามถึงความคืบหน้าในส่วนที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รับผิดชอบ โดยชี้แจงว่า กนอ.เตรียมการศึกษาความเหมาะสมของโครงการตามขั้นตอน แต่ติดขัดงบประมาณจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษา และจะเริ่มศึกษาได้เดือน ก.ค.2562

“กำชับให้ กนอ.เร่งรัดให้ศึกษาเร็วที่สุด เพราะเอ็กซอน โมบิล ตัดสินใจแล้ววว่าจะขยายการลงทุนเพิ่มในอีอีซี ทั้งในเรื่องของการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าการลงทุน การใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงการนี้โดยเร็ว”นายสมคิดกล่าว

กนอ.ศึกษาถมทะเลพันไร่

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า กนอ.เตรียมที่จะศึกษาที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ของ บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถขยายพื้นที่บริเวณที่ตั้งโรงกลั่นเอสโซ่ ใกล้นิคมอุตสาหกรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพราะมีการใช้พื้นที่เต็มทั้งหมด และเอ็กซอน โมบิล ต้องการอยู่ใกล้กับโรงกลั่นเดิม เพราะเป็นการนำผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นเดิมมาต่อยอดการผลิตในโรงงานใหม่ รวมทั้งต้องการใกล้ท่าเรือเพื่อสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบและการส่งออก

ทั้งนี้ มีการเสนอขอถมทะเลบริเวณท่าเรือของโรงกลั่นเอสโซ่ 1,000 ไร่ โดย กนอ.วางแผนศึกษาโครงการถมทะเลและการวางแนวทางป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้เวลาในการศึกษา 6 เดือน โดย กนอ.เห็นว่าโครงการนี้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย แต่มีการศึกษาเกี่ยวกับการถมทะเลจึงต้องมีการประเมินผลกระทบเกี่ยวกับการถมทะเลให้รอบคอบ

เอ็กซอนทวงถามหลายรอบ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ผู้บริหารบริษัทเอ็กซอน โมบิล ได้เคยเข้ามาหารือกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลแล้ว 2 ครั้ง ในช่วงปี 2561 รวมถึงการเข้าหารือกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในขณะนั้น โดยเอ็กซอน โมบิล ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะลงทุนในอีอีซี เพื่อผลักดันโครงการก่อสร้างโรงกลั่นและโรงผลิตแคกเกอร์แห่งใหม่ โดยขอให้รัฐบาลช่วยจัดหาที่ดิน 600-900 ไร่ บริเวณที่ใกล้เคียงกับโรงกลั่นของเอสโซ่แห่งเดิม

สำหรับโรงกลั่นแห่งนี้มีการผลิตครั้งแรกเมื่อปี 2514 กำลังการผลิต 35,000 บาร์เรลต่อวัน และมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 46,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี2519 จากนั้นมีการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องอีกหลายครั้ง จนกระทั่งปี 2554 ได้มีการลงทุนโครงการน้ำมันสะอาด ด้วยเงินลงทุน 10,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ท่าเรือแหลมฉบัง กนอ.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ไปจัดหาพื้นที่ให้ได้ตามเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้นมีการพิจารณา 4 แนวทาง คือ 1.การใช้พื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง 2.การใช้พื้นที่ของบริษัทยูนิไทยชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเช่าพื้นที่อยู่ในท่าเรือแหลมฉบัง 2.การใช้พื้นที่ป่าไม้อยู่บริเวณติดกับโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ 4.การถมทะเลบริเวณหน้าท่าเรือของโรงกลั่นเอสโซ่

“สมคิด”หารืออาลีบาบา

ทั้งนี้ นายสมคิด ได้หารือกับนายไซม่อน หู ประธานบริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล จำกัด ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในไทย ซึ่งบริษัทนี้อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนชำระเงินผ่านระบบอาลีเพลย์ของอาลีบาบา ครอบคลุมผู้เดินทางมาในไทย 7 ล้านคนต่อปี โดยขอให้บริษัทนี้ขยายฐานลูกค้าในไทยเพิ่มอีกปีละ 1-2 ล้านคน
รวมทั้งขอให้สมาชิกในกลุ่มนี้จับจ่ายใช้สอยสินค้าชุมชน รวมทั้งพักในโรงแรมและที่พักของไทยให้มากขึ้นเพื่อสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากการท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์บางบริษัทที่บริหารจัดการ และทำให้ไม่มีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวหมุนเวียนในเศรษฐกิจของไทย

สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในด้านอื่นๆ บริษัทจากประเทศจีนได้ขอให้เพิ่มการอำนวยความสะดวกในเรื่องการขอคืนภาษี โดยให้ไปหารือกับกรมสรรพากรถึงรูปแบบการอำนวยความสะดวกการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งหารือการอำนวยความสะดวกเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งอนาคตอาจนำเอาระบบดิจิทัลมาใช้ โดยมอบให้หารือกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง