วิชั่น 'ฉาย บุนนาค' ขี่คลื่นดิจิทัล ทรานส์ฟอร์ม 'เนชั่น' สู้ดิสรัป
"ดาต้าเบส เป็น new crude oil เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นคอมมูนิตี้ของทั้งเครือ ที่จะมานำมากลั่นให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด"
ในวันที่เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนทั้งโลก รวมถึงในไทย ส่งผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดยเฉพาะ“ธุรกิจสื่อ”ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆที่ได้รับผลกระทบ (Disrupt) จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาเสพสื่อดิจิทัล(ออนไลน์)มากขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาไหลออกจากสื่อดั้งเดิม อย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือแม้แต่ทีวี จากจำนวนช่องที่มีมาก และยังถูกแย่งสายตา(Eyeball) จากสื่อออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในมุมมอง “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กลับยังมองเห็น “อนาคต”ของธุรกิจนี้ ! ด้วยการประกาศแผนรุก“สื่อดิจิทัล” เต็มตัว โดยมองว่ารายได้ธุรกิจสื่อในอนาคตหนีไม่พ้นสื่อดิจิทัล ที่จะกินส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจสื่อดั้งเดิมมากขึ้นเรื่อยๆในระยะเวลา 10 ปีจากนี้
โดยเขามีเป้าหมายที่จะผลักดันรายได้จากสื่อดิจิทัลในเครือเนชั่น ให้เพิ่มขึ้นจาก15% ของรายได้รวมเครือ เป็น 25% ของรายได้รวมเครือภายใน 2 ปีจากนี้ ผ่าน 2 แผนก(Business Unit-BU) ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ได้แก่ บิซิเนสยูนิต ดิจิทัล (Digital) และ ดิจิทัล อินเทลลิเจนท์ (Digital Intelligent)
ฉายขยายความว่า บิซิเนสยูนิต ดิจิทัล จะเป็นการรวมทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ในเครือเนชั่นเข้าด้วยกัน เพื่อผนึกกำลัง(Synergy) สร้างความแข็งแกร่ง โดยพบว่าในปัจจุบันหากรวมทุกสื่อออนไลน์ในเครือ จะมียอดเพจวิววันละ 10 ล้านเพจวิว ถือเป็นอันดับต้นๆในอุตสาหกรรมสื่อ
หลังการรวมแพลตฟอร์มออนไลน์ในเครือ ยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเพจวิวเป็น 2 เท่าตัว (20 ล้านเพจวิวต่อวัน) ภายใน 6 เดือนแรกของการก่อตั้งบิซิเนสยูนิต ที่จะเริ่มดีเดย์ในเดือนก.ย.นี้
"10 ล้านเพจวิว คือ ดาต้าเบส เป็น new crude oil (น้ำมันดิบใหม่)เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นคอมมูนิตี้ของทั้งเครือ ที่จะนำดาต้าเบสนี้มากลั่นให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด ด้วยการติดตามพฤติกรรมบนโลกดิจิทัลของคน 10 ล้านเพจวิว เป็นใคร ชอบหรือสนใจอะไร นำไปสู่การผลิตคอนเทนท์ หรือแม้แต่การขายโฆษณา ยิงตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งกว่า segment เป็น fragment นั่นคือหน้าที่ของ บิซิเนสยูนิต ดิจิทัล อินเทลลิเจนท์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในบิซิเนสยูนิตนี้รีครูทมาจากสายเทคโนโลยี"
ประธานกรรมการบริหารเครือเนชั่น มองว่า ผลลัพธ์ของแนวทางนี้ จะเป็นการพลิกเกมดิจิทัลดีสรัปชั่นธุรกิจสื่อ และยังจะเป็นหนึ่งในต้นแบบของอุตสาหกรรมสื่อในเชิงการหารายได้อย่างยั่งยืน ล้างคำครหาของผู้คนต่อธุรกิจนี้ นำไปสู่การสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกิจสื่อ
“สังคมมักมีข้อสงสัยว่า คนซื้อโฆษณาซื้อเพราะเกรงใจ ซื้อเพราะอยากเป็นเพื่อนกับสื่อ ถามว่าคนซื้อโฆษณาได้ประโยชน์จริงไหม ที่ผ่านมาซื้อโฆษณาแล้ววัดผลยาก ตอนนี้เข้ามาสู่ยุคที่เราทุกคนควรจะหยุดคิดเรื่องพวกนี้ ผมต้องการให้คนซื้อโฆษณาต้องวัดผลได้ ต้องได้ประโยชน์จริงๆ ต่อไปคนทำสื่อจะอิสระเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าเขียนแบบนี้จะกระทบต่อเม็ดเงินโฆษณา ความน่าเชื่อถือจะตามมา" ฉายให้มุมมอง
“ถ้าทำได้ ผมคิดว่า ผมได้สร้างอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน” เขาเผย พร้อมตั้งเป้าหมายภายในไตรมาสแรกของปีหน้าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการดำเนินงานของ 2 บิซิเนสยูนิตที่ตั้งใหม่นี้
ฉายยังวิเคราะห์อนาคตของสื่อดั้งเดิมที่ถูกผลกระทบจากดิจิทัลดีสรัปชั่นว่า ในส่วนของธุรกิจทีวี แนวโน้มโฆษณาไม่เพิ่มขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปีดูทีวีน้อย มีทางเลือกในการเสพสื่อมากมาย ไม่จำเป็นต้องดูทีวี โดยเฉพาะวาไรตี้ ละคร สามารถดูย้อนหลังได้ เมื่อเทียบกับข่าวที่เป็นสถานการณ์สดมากกว่า เรียกว่า “ยุคทองของทีวีไม่มีแล้ว” เช่นเดียวกับ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ก็มีทิศทางไม่ต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเม็ดเงินโฆษณาจึงไหลออกจากสื่อดั้งเดิม เขาย้ำ
ขณะที่ธุรกิจอีเว้นท์ อบรม สัมมนา อีกขาของเครือเนชั่น แม้จะไม่ถูกดิจิทัล ดิสรัปชั่น แต่ยังมีรายได้ไม่พอหล่อเลี้ยงภาพรวมทั้งเครือ จำเป็นต้องมีรายได้อื่นเข้ามาเสริมทัพ
ฉายระบุว่า ตามแผนธุรกิจผ่านการตั้ง 2 บิซิเนสยูนิต กำลังทรานส์ฟอร์มเครือเนชั่นไปสู่การเป็นการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุม หรือ Total Solutions เป็นผู้ผลิตสื่อ(Content Provider)บนความน่าเชื่อถือ ตอบโจทย์โฆษณา(Digital Agency)ตรงกลุ่มเป้าหมาย ให้บริการครีเอทีฟ เซอร์วิส
จากขุมทรัพย์คอมมูนิตี้ที่ครอบคลุมทั้ง อัพสเกล มิดสเกล