'พาณิชย์' ชี้สาเหตุราคาข้าวเหนียวพุ่ง 98%
"พาณิชย์" ชี้สาเหตุราคาข้าวเหนียวพุ่ง 98% จากราคา 1.39-.1.76 บาท/ตัน ทะลุ 3.86 หมื่นบาท/ตัน เหตุเพราะภัยแล้งทำผลผลิตเสียหาย เตรียมคุมเข้มห้ามค้ากำไรเกินควร เชื่อปลายเดือน ต.ค.สถานการณ์จะคลี่คลาย
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า จากที่มีกระแสข่าวชาวภาคเหนือเรียกร้องภาครัฐควบคุมราคาข้าวเหนียวนั้น กรมการค้าภายในขอชี้แจงว่าปัจจุบันสถานการณ์ข้าวเหนียวโดยรวมตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 ถึง ส.ค. 2562 ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งราคาข้าวเปลือกเหนียวและราคาข้าวสารเหนียว โดยราคาข้าวเปลือกเหนียวปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ 9,549บาท/ตัน และทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 13,900 17,600บาท/ตัน ณ วันที่ 16 ส.ค. 2562โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59.90% ส่วนราคาข้าวสารเหนียว ปี 2561เฉลี่ยอยู่ที่ 19,610 บาท/ตัน และทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 38,500 38,600 บาท/ตัน ณ วันที่ 16ส.ค. 2562 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 98.20%
สำหรับพื้นที่เป้าหมายปลูกข้าวเหนียวปี2562/63 จำนวน 16.172ล้านไร่ คาดการณ์ปริมาณผลผลิต ปี 2562/63 อยู่ที่ 6.142ล้านตัน แต่ทั้งนี้ จากภาวะภัยแล้งก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 6แสนไร่ ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิต ทำให้ผลผลิตลดลง ส่วนการส่งออกโดยรวมมีปริมาณไม่มากปีละประมาณ2 แสนตัน ผลผลิตข้าวเหนียวส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ
"จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ข้าวเหนียวมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากมีหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาภัยแล้งส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวเหนียวทั้งนาปีและนาปรังที่ผ่านมามีปริมาณน้อยกว่าทุกปีประกอบกับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาล ข้าวเก่าเหลือน้อย ข้าวใหม่ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวและภาครัฐได้ระบายข้าวในสต๊อกหมด ส่งผลให้ช่วงนี้ข้าวเหนียวขาดแคลนอย่างมากชาวนาก็เก็บไว้บริโภคเอง เนื่องจากคาดว่าผลผลิตจะมีปริมาณน้อยมากถ้าไม่จำเป็นจะไม่นำออกขายด้านผู้ประกอบการโรงสีก็ต้องการรับซื้อข้าวเพื่อเก็บไว้ในสต๊อกและแปรรูปเพื่อจำหน่ายซึ่งผลผลิตที่ขาดแคลนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดการจำหน่ายแต่หากมีสินค้าก็ต้องจำกัดโควต้าให้ผู้รับซื้อเพื่อปันส่วนของสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการและกระจายได้อย่างทั่วถึง"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือน ต.ค. พ.ย.2562 ผลผลิตข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ปี 2562/63จะเริ่มออกสู่ตลาด ราคาข้าวเหนียวน่าจะปรับตัวลดลงซึ่งคาดว่าสถานการณ์ทั้งในด้านราคาและปริมาณผลผลิตที่ขาดแคลนจะค่อยๆ คลี่คลายลง
นายวิชัย กล่าวว่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคกรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ให้เกิดการเก็งกำไรและค้ากำไรเกินควร รวมทั้งจะกำกับดูแลไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าและตั้งราคาสูงโดยไม่สอดคล้องกับต้นทุนโดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสีให้จำหน่ายสินค้าในราคาสอดคล้องกับต้นทุนไม่เอาเปรียบผู้ซื้อและผู้บริโภครวมถึงหากจำเป็นจะดำเนินการตรวจสอบสต็อกสินค้า โดยหากพบการกระทำความผิด เช่นมีการกักตุนสินค้า หรือตั้งราคาสูงเกินสมควร ขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป