เตือนศึกการค้า ‘สหรัฐ-ยุโรป’ สาหัสกว่างัดข้อจีน
ขณะที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังคงยืดเยื้อ และความสัมพันธ์ทางการค้าสหรัฐ-ยุโรป ไม่สู้ดีนัก บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากวอชิงตันเปิดศึกการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเต็มตัว จะได้รับความเสียหายใหญ่หลวงยิ่งกว่าความขัดแย้งทางการค้ากับจีนในปัจจุบัน
แม้จะให้ความสำคัญกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ก็ยังทำสงครามน้ำลายดุเดือดกับอียูอย่างต่อเนื่องขณะที่รัฐบาลของเขาเตรียมจะตัดสินใจในเดือน พ.ย.นี้ว่า จะบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่สุดในยุโรปอย่าง “ยานยนต์” หรือไม่
ก่อนหน้านี้ สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรปไปแล้ว ซึ่งทำให้อียูตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้า 25% จากผลิตภัณฑ์สหรัฐมูลค่า 2,800 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือน มิ.ย. 2561 และจนถึงขณะนี้ยังมีความขัดแย้งเกี่ยวกับ “แอร์บัส” และ “โบอิง” ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการบินของยุโรปและสหรัฐตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การทำศึกการค้าในวงกว้างกับยุโรปจะสร้างความเสียหายมหาศาลยิ่งกว่าทำสงครามการค้ากับจีนในปัจจุบัน ทั้งนี้ บรรดาผู้ในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ “จี7” มีกำหนดที่จะหารือเรื่องการค้าโลกในการประชุมที่ฝรั่งเศสช่วงสุดสัปดาห์นี้
“การค้า อียู-สหรัฐ มีความสำคัญที่สุด เพราะมีมูลค่าการค้าทวิภาคีมากที่สุด ณปัจจุบัน” ฟลอเรียน เฮนส์ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทบีเรนเบิร์ก เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี และเสริมว่า นับเฉพาะการส่งออกและการนำเข้าสินค้าและบริการ การค้าทวิภาคีสหรัฐ-อียู มีมูลค่ามากกว่าการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในปี 2561 ถึงกว่า 70%
ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ระบุว่า ในปี 2561 สหรัฐนำเข้าสินค้ามูลค่า6.839 แสนล้านดอลลาร์จากอียูและ 5.579 แสนล้านดอลลาร์จากจีน อย่างไรก็ดีการส่งออกของสหรัฐไปอียูและจีนแตะที่ 5.745 แสนล้านดอลลาร์และ 1.792 แสนล้านดอลลาร์ตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้ครอบคลุมทั้งสินค้าและบริการ
“ในปี 2561 สหรัฐส่งออกไปอียูมากกว่าไปจีนกว่า 3 เท่า” เฮนส์เผย และบอกว่า ยุโรปสามารถตอบโต้วอชิงตันได้อย่างหนักหน่วง
สำหรับประเด็นนี้ เซซิเลีย มัลม์สตรอม หัวหน้าฝ่ายการค้าของอียู ระบุว่า อียูขอไม่อยู่ในสถานะที่ต้องใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าดีกว่า แต่ก็อาจจำเป็นต้องใช้ หากสหรัฐดำเนินการก่อน
“กฎการค้าระหว่างประเทศที่เราพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร่วมกับพันธมิตรอเมริกันของเรา ไม่อาจถูกละเมิดโดยที่ไม่มีการตอบโต้จากฝั่งเราได้” มัลม์สตรอมกล่าวในเดือน มิ.ย. 2561
นับตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่สหรัฐขู่ว่จะขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติม บรัสเซลส์ก็จะเผยรายชื่อสินค้าต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองสามารถตอบโต้ทำเนียบขาวได้เช่นกัน
ศก.สหรัฐ-อียู “ชะงัก”
นอกจากนั้น ทั้งสหรัฐและยุโรปต่างไม่พร้อมที่จะทำสงครามการค้าในขณะนี้ “แม้สงครามการค้าสหรัฐ-จีน เริ่มส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิในวงกว้างแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาพักใหญ่และผลกระทบบางส่วนก็ถูกชดเชยจากบรรยากาศเศรษฐกิจที่เป็นใจ” เฟรดริก อีริกซัน ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศแห่งยุโรป (อีซีไอพี) เผยกับซีเอ็นบีซี
อีริกซัน เสริมว่า นั่นไม่ใช่ประเด็น หากมีการขึ้นภาษีนำเข้าอย่างจริงจังระหว่างสหรัฐกับอียูในช่วงปลายปีนี้ เศรษฐกิจทั้ง 2 ฝ่ายกำลังชะลอตัวอยู่แล้วและผลกระทบขาลงจากการขึ้นภาษีอาจรุนแรงพอสมควร
ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ก.ค. พบว่า กลุ่มยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 19 ประเทศในยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร เติบโตในอัตราเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ลดลงจากอัตราเติบโต 0.4% ในไตรมาสแรก ทำให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งกำกับดูแลนโยบายการเงินในภูมิภาค เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้
ในสหรัฐ เศรษฐกิจเติบโตในอัตรารายปี 2.1% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือลดลง 1% จากไตรมาสก่อนหน้า และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี เมื่อเดือน ก.ค.
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐช่วงกลางเดือน ก.ค. ว่า ปัจจัยผันผวนต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งทางการค้า และความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทั่วโลก เป็นตัวฉุดรั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการเติบโตของประเทศ
บ.ข้ามชาติสหรัฐ “สุ่มเสี่ยง”
อีริค โจนส์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ในสหรัฐ อธิบายว่า รูปแบบธุรกิจของบรรดาบริษัทข้ามชาติตกอยู่ในความเสี่ยง ผลจากแนวโน้มที่จะเกิดสงครามการค้าสหรัฐ-อียู
“การค้าอียู-สหรัฐส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในบริษัทมากกว่าระหว่างสหรัฐกับอียู” โจนส์ระบุ และว่า “เมื่อคุณเก็บภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐกับยุโรปสุดท้ายก็ไปเพิ่มราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคและทำให้วิธีการขนย้ายสินค้าทั้งในสหรัฐและอียูยุ่งยากขึ้น เหมือนกับกรณีสหรัฐ-จีน แต่นั่นก็บั่นทอนผลกำไรของโมเดลธุรกิจสำหรับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ด้วย”
ข้อมูลจากสำนักสถิติยุโรป ระบุว่า สินค้าสหรัฐยอดนิยมที่ส่งออกไปยุโรปในปี 2561 ได้แก่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ เครื่องบินและอุปกรณ์เสริม และผลิตภัณฑ์ยาและเภสัชภัณฑ์ขณะที่สินค้านำเข้า สหรัฐซื้อรถยนต์จากอียูเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับ สินค้าเภสัชภัณฑ์และยา
“สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับยุโรปจะมีความท้าทายกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เนื่องจากจะทำให้บริษัทข้ามชาติของสหรัฐอ่อนแอ ลดขนาดของตลาดที่บริษัทสหรัฐสามารถเข้าถึง สร้างแรงจูงใจสำหรับบริษัทสหรัฐในการกระจายความเสี่ยงสินทรัพย์ในต่างประเทศของตน และทำให้เกิดการแข่งขันกับต่างชาติมากขึ้น” โจนส์ระบุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ผวาสงครามการค้าสหรัฐ-จีนแรงขึ้นฉุดดาวโจนส์ทรุดกว่า600จุด
-นักเศรษฐศาสตร์คาดอีก 2 ปีเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
-ตลาดหุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทาง
-'โกลด์แมน แซคส์'เตือนสงครามการค้าฉุดศก.สหรัฐถดถอย