"พ.ต.อ.กฤษณะ" เตือนรับน้องโหดผิดกฎหมาย ห่วงเลยเถิดถึงขั้นสูญเสีย
วันนี้(25ส.ค.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณี เหตุรุ่นพี่ทำร้ายรุ่นน้องโดยใช้วิธีทารุณ วันล่ะ3 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อเป็นการรับน้องใหม่ของสถาบันและอ้างว่าเป็นประเพณี ซึ่งทำให้รุ่นน้องทนไม่ไหวลาออกยกห้อง ว่า จากเหตุการณ์กรณีดังกล่าวนั้นในเรื่องการรับน้องของสถาบันต่างๆ ซึ่งมักจะเรียกว่าเป็นประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาอย่างไรก็ตามหากมีการทำร้ายร่างกายและเกิดการบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งการสูญเสียถึงชีวิตซึ่งที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์มาแล้ว โดยผู้ที่กระทำนั้นอาจจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือ บาดเจ็บสาหัส เป็นต้น รวมทั้งผู้เสียหายเองก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นก็สามารถใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
พันตำรวจเอก กฤษณะ เปิดเผยต่อว่า ในการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ก็ควรมีการสอบถามและเน้นความสมัครใจของผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมไม่ใช้วิธีการบังคับ อีกทั้งในเรื่องของการดำเนินคดีนั้นเมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ก็จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานสอบปากคำพยาน ส่งตัวผู้บาดเจ็บไปพบแพทย์เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบคดี และ ดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมโดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปยังรุ่นพี่ของสถาบันต่างๆ หากจะจัดกิจกรรม การรับน้องตามประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติของสถาบัน ควรจัดกิจกรรมที่เป็นไปในแนวสร้างสรรค์ เน้นถึงความรักความสามัคคีของหมู่คณะที่มีต่อสถาบัน ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกาย จิตใจ ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม และควรปรึกษาครูฝ่ายปกครองหรืออาจารย์ที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยกำกับดูแลถึงความเหมาะสมความปลอดภัยของผู้ร่วมกิจกรรม หากทำไปโดยพละการไม่ว่าจะเป็นด้วยความคึกคะนองหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วเกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียถึงขั้นชีวิต ตัวผู้กระทำเองก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เสียชื่อ เสียประวัติ และอนาคต
พันตำรวจเอก กฤษณะ เปิดเผยอีกด้วยว่า ทางพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชันจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับและมีความห่วงใยในเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะที่ผ่านมามีความสูญเสียถึงแก่ชีวิตไปแล้วจำนวนหลายราย และขอฝากไปยังผู้บริหารคณะครูอาจารย์ของสถาบันต่างๆ ให้ช่วยลงมากำกับดูแลและเข้มงวดในการจัดกิจกรรมของนักเรียนนักศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ เมื่อเกิดเหตุแล้วอาจนำมาซึ่งความสูญเสีย ความเสียใจและไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-กฎหมายใหม่ 'ตำรวจจราจร' ยึดใบขับขี่ไม่ได้ เริ่ม 20 ก.ย.62
-ร้องตำรวจเร่งจับ 'ตุ๊กกี้' ตุ๋นลงทุน 300ล้าน
-5นายพล ชิงดำ 'น1.' แม่ทัพตร.นครบาล
-นายกฯ ชี้เลื่อนตำแหน่ง 'ตำรวจ' ต้องนับอาวุโสเหมือนทหาร