'จุรินทร์' ลุยแก้อุปสรรคการค้าชายแดนเพิ่มมูลค่าการค้า
"จุรินทร์" ลุยแก้อุปสรรคการค้าชายแดนเพิ่มมูลค่าการค้า ขยายช่องทางการค้า ท่องเที่ยว และคมนาคม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังการประชุมร่วม ภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว ว่าที่ประชุมได้มีการหารือถึงการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการค้าการลงทุน เพราะมีความสำคัญต่อการส่งเสริมตัวเลขการส่งออกโดยเฉพาะการค้าชายแดน จึงได้มีการจัดประชุมขึ้นมา โดยมีตัวแทนพาณิชย์จากทางภาคเหนือภาคอีสาน 25 จังหวัดเข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือหลายประเด็นประเด็นแรกภาคเอกชนเสนอให้มีการจัดตั้ง กรอ.ชายแดนไทย ลาว ขึ้น เพื่อให้มีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาการค้าการลงทุน การขนส่ง รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อเสนอที่กระทรวงพาณิชย์เห็นว่าควรให้ความสำคัญและเห็นควรว่า ควรให้การสนับสนุนจึงมอบหมายให้ กรมเจรจาการค้ารับเป็นเจ้าภาพที่จะนำเรื่องนี้ไปนำเสนอในที่ประชุม Join committee ระหว่างไทย ลาวต่อไปซึ่งจะรีบนัดประชุม JTC คณะกรรมการการค้าไทย-ลาวภายในต้นเดือน ธ.ค. 62 นี้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนอยากให้ประชาชนคนลาวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยเดิมอนุญาตให้สามารถใช้Boarding pass เดินทางเข้ามาในประเทศไทย2 วัน 3 คืน จึงขอขยายขึ้นเป็น 7 วันทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวที่ประชุมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการไทย-ลาวซึ่งมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเพื่อหารือเรื่องนี้ซึ่งเป็นข้อตกลงไทย-ลาวมาก่อนแล้ว
ส่วนการขออนุมัติเอกสาร ฟอร์ม D (เอกสารถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อการส่งออก)โดยเอกชนเสนอขอให้มีความสามารถในการรับรองเอกสารส่งออกด้วยตัวเองซึ่งเรื่องนี้ในที่ประชุมอาเซียนจะให้ดำเนินการให้ทันภายในมีนาคม 2563 กรณีที่เอกชนขอให้มีการอนุมัติเอกสารฟอร์ม Dไทย-ลาวลาวขอให้มีการอนุมัติที่จุดชายแดน โดยไม่ต้องส่งไปที่เวียงจันทน์รัฐมนตรีจากประเทศลาวได้แจ้งในที่ประชุมอาเซียนว่า ลาวจะสามารถอนุมัติเอกสารฟอร์ม Dผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในสิ้นปีนี้เพื่ออำนวยการส่งสินค้าระหว่างไทย-ลาว
อย่างไรก็ตามภาคเอกชนขอให้บุคลากรของลาวสามารถเข้ามาฝึกงานในประเทศไทยได้ไม่เกิน 3 เดือนโดยไม่ต้องทำ Work Permit เพื่ออำนวยให้มีแรงงานของไทยที่จะกลับไปทำงานในประเทศลาวได้ตนได้มอบหมายให้นำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมของ คณะกรรมการการค้าชายแดนซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ที่จะต้องพิจารณาต่อไปโดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย
"กรณีภาคเอกชนจะขอให้มีการอนุมัติการนำรถยนต์ส่วนบุคคลของประเทศจีนและเวียดนามเข้ามาในชายแดนไทยโดยไม่ต้องขออนุมัติล่วงหน้า 7 15 วันซึ่งเรื่องนี้ผู้แทนจากกรมการค้าทางบกได้มอบให้กรมการขนส่งจังหวัดเป็นผู้พิจารณาต่อไปซึ่งในแง่เศรษฐกิจก็ถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวและหากทำได้ก็จะเริ่มในปลายเดือน พ.ย. นี้
และขอให้มีการเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้าทางรถไฟจากจังหวัดหนองคายไปเวียงจันทน์ เดิมไม่สามารถขนสินค้าได้หากมีการพิจารณาให้สามารถทำได้ จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่าง 2 ประเทศได้มากขึ้น 67.5%"
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลการค้าระหว่างไทย-สปป.ลาว ช่วง 7 เดือน (ม.ค.-กค.)ของปี 2562 รวมกว่า 117,116.86 ล้านบาท เป็นการส่งออก 70,228.43 ล้านบาท นำเข้า46,888.43 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้า23,340 ล้านบาท และการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว คิดเป็นร้อยละ 18%ของการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านกับประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เมียนม่ามาเลเซียและมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 99ของการค้า ของไทย-สปป.ลาว
ส่วนสินค้าส่งออกของไทยที่สำคัญ ได้แก่น้ำมันดีเซล รถยนต์ อุปกรณ์ สินค้าปศุสัตว์ น้ำมันสำเร็จรูป และสินค้าอุตสาหกรรม โดยด่านสำคัญได้แก่ด่านศุลกากรหนองคาย มีมูลค่าการค้ารวม 35,162 กว่าล้านบาท รองลงมาคือ ด่านศุลกากรมุกดาหาร ด่านศุลกากรทุ่งช้างด่านศุลกากรช่องเม็กและด่านศุลกากรนครพนม