ผลสอบชี้ชัดโดรนอิหร่านโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ
กลุ่มพันธมิตรชาติอาหรับ ที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมน แถลงว่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โดรนที่ใช้ในการโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเป็นของอิหร่าน และโดรนดังกล่าวไม่ได้ถูกปล่อยขึ้นจากทางเยเมน
ทั้งนี้ พันเอกเตอร์กี อัล-มัลกี โฆษกของกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า การตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไป เพื่อหาจุดปล่อยโดรนดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้
คำแถลงของกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทวีตว่า อิหร่านไม่ได้พูดความจริง กรณีปฏิเสธเกี่ยวกับการใช้โดรนโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
“จำได้ไหมตอนที่อิหร่านยิงโดรนของสหรัฐตก โดยบอกว่าเหตุเกิดในน่านฟ้าของอิหร่าน ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกเขายืนยันถึงเรื่องนั้น แม้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการโกหกคำโต และตอนนี้อิหร่านบอกว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเราจะได้เห็นกัน” ข้อความในทวิตเตอร์ของผู้นำสหรัฐ ระบุ
กระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า โรงงานน้ำมันสองแห่งถูกโจมตีด้วยโดรนจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงลุกไหม้ โดยโรงงานทั้งสองแห่งเป็นของบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย
ด้านเจ้าชายอับดูลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่โอเปกเปิดเผยเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมัน 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับว่าผลผลิตจะหายไปราวครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็น 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก