ค่าระวางเรือพุ่งเกือบ 30%หลังสหรัฐคว่ำบาตรคอสโก
มาตรการคว่ำบาตรคอสโกวันนี้ ส่งผลให้อัตราค่าระวางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
อัตราค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในวันนี้ ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนในตลาดการขนส่งน้ำมันทั่วโลก หลังจากที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของคอสโก ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ใหญ่ที่สุดของจีน เนื่องจากพบว่าบริษัทพัวพันกับการขนส่งน้ำมันดิบออกจากอิหร่าน
มาตรการคว่ำบาตรคอสโกวันนี้ ส่งผลให้อัตราค่าระวางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ คอสโก ถือเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนเรือ และปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการขนส่ง โดยบริษัทเป็นเจ้าของเรือ 1,114 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวน 365 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 120 ลำ โดยมีเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) จำนวนมากกว่า 50 ลำ หรือคิดเป็น 7.5% ของจำนวนเรือ VLCC ทั่วโลก
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐได้เคยดำเนินการมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ท่ามกลางความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการกดดันอิหร่านให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
“มีความสับสนในตลาดสำหรับผู้ที่ได้จองเรือไว้กับคอสโก โดยทุกคนต่างก็ต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ” เทรดเดอร์น้ำมันรายหนึ่งของสิงคโปร์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ซื้อน้ำมันจากเอเชียต่างแห่กันเช่าเรือบรรทุกน้ำมัน หลังจากที่สหรัฐมีคำสั่งคว่ำบาตรบริษัทคอสโก ชิปปิ้ง แทงเกอร์ (ต้าเหลียน) โค จำกัด และบริษัทคอสโก ชิปปิ้ง แทงเกอร์(ต้าเหลียน) ซีแมน แอนด์ ชิป แมเนจเมนท์ โค จำกัด ซึ่งต่างก็เป็นบริษัทในเครือของคอสโก ส่งผลให้ค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังอินเดียในเดือนต.ค.ทะยานขึ้น 28% ส่วนค่าระวางของเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) สำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียเหนือพุ่งขึ้นเกือบ 19% ซึ่งหมายความว่าค่าระวางจะเพิ่มขึ้นถึง 600,000 ดอลลาร์ต่อเรือ 1 ลำ