ดาวโจนส์พุ่งกว่า300จุดรับข่าวสหรัฐ-จีนเจรจาการค้าราบรื่น

ดาวโจนส์พุ่งกว่า300จุดรับข่าวสหรัฐ-จีนเจรจาการค้าราบรื่น

ดาวโจนส์พุ่งกว่า300จุดรับข่าวสหรัฐและจีนเจรจาการค้าราบรื่น เพิ่มความหวังว่าทั้ง2ฝ่ายจะยุติการทำสงครามการค้าระหว่างกัน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (11ต.ค.)พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด ขณะที่นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสูงสุดรอบ 3 เดือนในเดือนต.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 319.92 จุดหรือ 1.2% ปิดที่ 26,816.59 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.1% ปิดที่ 2,970.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก ทะยาน 1.3% ปิดที่ 8,057.04 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ส่งสัญญาณบวกต่อการเจรจาการค้ากับจีนในรอบนี้

“สิ่งดีๆกำลังเกิดขึ้นในการเจรจาการค้ากับจีน มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นกว่าการเจรจาหลายครั้งที่ผ่านมา โดยความรู้สึกนี้เหมือนกับวันวานอันแสนสุข และผมจะพบกับท่านรองนายกฯของจีนในวันนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องการจะเห็นสิ่งที่สำคัญบังเกิดขึ้น” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์จะพบกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ที่ทำเนียบขาวในวันนี้เวลา 14.45 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย

ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า สหรัฐและจีนจะประกาศข้อตกลงการค้าในวันนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน

ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนเมื่อวานนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น

“การเจรจาวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่นมากๆ เรามีการพูดคุยที่ดีมากๆกับทางจีน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะได้ข้อสรุปในประเด็นทั่วไป เราจะเจรจากับจีนต่อในวันศุกร์ สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ การเจรจาเป็นไปด้วยดี” ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับ 96.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 93.2 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 92.5

ดัชนีความเชื่อมั่นที่ดีดตัวขึ้น บ่งชี้ว่าผู้บริโภคคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ไม่มีความกังวลต่อข่าวการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งแนวโน้มรายได้ และสถานะการเงินส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล