'อนุทิน' ย้ำไม่เลื่อนลงนามไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน
“อนุทิน” ย้ำไม่เลื่อนลงนามไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินหลังหารือกับ “ศุภชัย” แล้ว เคลียร์ปมส่งมอบที่ดิน บอกตนไม่เคยมีผลโยชน์ทับซ้อน ทุกอย่างโปร่งใส เล็งแบล็คลิสต์บอร์ดชุดเก่า หลังลาออกยกชุดทำโครงการสะดุด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ว่าตนได้เชิญนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือ ซี.พี.) มาพูดคุยแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้เขามั่นใจว่ารัฐบาลจะให้ความร่วมมือทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสะดวก ไม่ให้เกิดอุปสรรค และชัดเจนอยู่แล้วการส่งมอบพื้นที่ไม่ว่าสัญญาไหนก็ตามในประเทศไทย ถ้าส่งมอบล่าช้า เขาก็ต่อเวลาให้ ไม่มีที่ไหนที่ส่งมอบพื้นที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกรณีดังกล่าวเราพร้อมส่งมอบพื้นที่ได้ 70 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
ดังนั้นการก่อสร้างก็น่าจะเริ่มวางแผนการก่อสร้างได้ ทั้งนี้ตนได้กำชับนายศักดิ์สยาม ตลอดว่าจะต้องให้ความร่วมมือสนับสนุนและให้ความสะดวกทุกอย่างกับผู้ที่ชนะการประมูล เพื่อให้เขาทำงานให้เสร็จโดยเร็ว อะไรที่ติดขัดก็ต้องพยายามไปคลายข้อจำกัดทั้งหลายให้ได้มากที่สุดภายใต้กรอบของกฎหมาย อย่าให้ใครเดือดร้อน จะไม่มีการไปดึงเพราะมีความหมั่นไส้ หรืออะไรทั้งนั้น เมื่อถามต่อว่าทางตัวแทนบริษัทได้พูดคุยกับท่านถึงความเสี่ยงที่อยากให้รัฐบาลช่วยรับผิดชอบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลไม่มีความเสี่ยง ความเสี่ยงของรัฐบาลคือการสนับสนุนให้บริษัทที่ชนะการประมูลทำงานได้อย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนความเสี่ยงเรื่องการเงิน กำไร จำนวนผู้โดยสาร ค่าเงิน หรือต้นทุนต่างๆเป็นเรื่องของเอกชนที่จะรับผิดชอบเอง เพราะเราไม่ได้บังคับให้ใครเข้ามาประมูล เราเปิดขายซองประมูล ซึ่งก็มีเงื่อนไขข้อปฏิบัติทุกอย่างที่กำหนดเอาไว้โดยบริษัทเองก็รับรู้ ดังนั้นเมื่อยื่นซองประมูลไปแล้ว มีการประกาศบริษัทที่ชนะแล้ว ทางบริษัทผู้ชนะก็ต้องทำตามเงื่อนไขและกฎหมายที่กำหนดไว้ เราต้องทำตามกฎหมาย ไม่ใช่เกาะกฎหมาย จะไม่เกิดปัญหาตามมา
เมื่อถามต่อว่า ที่ผ่านมาดูเหมือนมีความพยายามที่จะปล่อยข่าวว่าบริษัทที่ชนะการประมูลอันดับ 2 อยากทำโครงการนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ดีเสียอีกที่ปล่อยข่าวออกมาแบบนี้จะได้เห็นชัดเจนว่าทำหรือไม่ทำอย่างไร ทุกคนมีอดีตหมด แต่เราต้องอยู่กับปัจจุบัน ยืนยันทุกคนที่รู้จักตนจะรู้ดีว่าตนไม่เคยทำอะไรที่มีผลประโยชน์เข้าตัวเอง และตนออกจากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ที่ได้อันดับ 2 ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่ปี 47 ผ่านมา 15 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลเรื่องนี้ และตนรู้ดีว่าจุดเดียวที่เขาพยายามจะตีตนได้ ก็คือจุดนี้ ก็ขอให้ตีไปเรื่อยๆ ไม่เป็นปัญหาอะไร ยืนยันทุกอย่างโปร่งใสผู้สื่อข่าวถามว่าหากวันที่ 25 ต.ค.ยังไม่มีการลงนาม เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลไปเจรจากับบริษัทที่ชนะการประมูล เพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าไปได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกับใคร เราทำตามข้อกำหนดและเงื่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่าง และตราบใดที่ยังไม่ถึงวันที่ 7 พ.ย.ซึ่งเป็นวันครบกำหนด รัฐบาลก็สามารถเชิญมาให้ลงนามในวันไหนก็ได้
ทั้งนี้ เขากล่าวด้วยว่าในวันนี้ (15 ต.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอชื่อบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชุดใหม่ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ หลังจากที่ชุดเก่าลาออกทั้งหมด ซึ่งภายหลังที่ประชุมอนุมัติแล้วก็สามารถเดินหน้าโครงการดังกล่าวได้เลย เพราะรัฐบาลมีความพร้อมอยู่แล้ว และมั่นใจว่าเงื่อนไขต่างๆที่กำหนดไว้ในสัญญา สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทีโออาร์ ซึ่งมีความยุติธรรม โดยเรื่องนี้ต้องมีบอร์ดเข้ามารับทราบและเห็นชอบการเซ็นสัญญา แต่ปรากฎว่าบอร์ดรฟท.ชุดที่แล้ว ทั้งที่รู้ว่าต้องมีการเซ็นสัญญาก็ลาออกทั้งหมดโดยไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร จึงทำให้มีผลกระทบกับโครงการ
“การมาเป็นบอร์ดต้องดูที่ประโยชน์ของบ้านเมือง ต้องรับผิดชอบหน้าที่ ไม่ใช่นึกอยากมาเป็นก็มา ซึ่งเรื่องนี้แทนที่จะได้เซ็นสัญญาแล้ว กับต้องเลื่อนออกไป เพราะบอร์ดพร้อมใจกันลาออกทั้งที่ไม่ได้มีความกดดันอะไรจากใครเลย รมว.คมนาคม ก็คัดค้าน เพราะอยากให้มีการเซ็นสัญญา ก็ไม่เป็นไร บอร์ดที่เป็นข้าราชการประจำ เราคงไปแตะต้องอะไรเขาไม่ได้ แต่บอร์ดที่มาจากข้างนอก ผมก็ดูชื่อไว้ทุกคน ตราบใดที่เรายังดูแลตรงนี้อยู่ คงไม่เสนอให้มาดำรงตำแหน่งในที่อื่นๆ เพราะเราต้องการให้เข้าไปทำงานไม่ได้เข้าไป เพื่อเป็นเกียรติยศหรืออะไร และคงไม่ใช่ว่าจะไปแบล็คลิสต์อะไร เพราะผมไม่มีอำนาจไปแบล็คลิสต์อะไรเขา แต่ผมจะถือว่าคนพวกนี้ ทำงานร่วมกับเราไม่ได้ ถ้าพวกนี้จะเข้ามาใหม่ก็ต้องรอให้พวกเราพ้นจากรัฐบาลไปก่อน” นายอนุทินกล่าว