ตำรวจยัน 'แม่มณี' ยังกบดานในไทย
เหยื่อแม่มณีถูกโกงแชร์ แห่แจ้งความเพิ่มเติม คาดมูลค่าความเสียหายทะลุ 100 ล้าน ตำรวจ ปอศ.ยันผู้ต้องหายังกบดานในไทย พร้อมตั้งกลุ่มไลน์เหยื่อ เพื่อสะดวกต่อการรายงานความคืบหน้าทางคดี
ภายหลังศาลอาญาออกหมายจับ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือแม่มณี และนายเมธี ชิณภา (แฟนหนุ่ม) ในฐานความผิด 3 ข้อหา ประกอบไปด้วย ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน กรณีเป็นเจ้าของกลุ่ม “แม่มณี”หลอกเหยื่อร่วมลงทุนออมเงินจำนวนหลายล้านบาท ก่อนหลบหนีไปนั้น
วันนี้ (30 ตุลาคม 2562) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตลอดทั้งวันว่า มีประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีถูกหลอกลงทุนเงินฝากแชร์แม่มณี ต่างทยอยเดินทางเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่อง โดยทางพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ได้จัดเตรียมห้องประชุมชั้น 9 อาคาร2 ซึ่งอยู่ด้านหลังของกองบังคับการ เป็นสถานที่รับแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมระดมชุดพนักงานสอบสวนกก.5 บก.ปอศ.อำนวยความสะดวกในการแจ้งความ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดโต๊ะให้กลุ่มผู้เสียหายนั่งกรอกเอกสาร รวบรวมเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ประกอบกับการแจ้งความ เพื่อความรวดเร็วต่อการยื่นเอกสารและสอบปากคำ
ทางด้านพ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.5บก.ปอศ.) เปิดเผยว่าตลอดทั้งสองวันที่ผ่านมา คือวันที่ 28ต.ค.-29 ต.ค. มีกลุ่มผู้เสียหายที่มาแจ้งพนักงานสอบสวนบก.ปอศ. แล้วจำนวน 54 ราย โดยทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ โดยยอดความเสียหายในส่วนที่ทางบก.ปอศ. รับแจ้งมีมากถึง 64 ล้านบาท โดยวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมา 61 ราย ซึ่งยังไม่มีการสรุปยอดของวันนี้ว่าจะเข้ามาอีกเท่าไหร่ และความเสียหายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด แต่คาดการณ์ว่าน่าจะสูงถึงกว่า 100 ล้านบาท
พ.ต.อ.ภาดล เปิดเผนอีกว่า ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีผู้เสียหายเครือข่ายบ้านมะนาว ที่เป็นแม่ข่ายของแชร์แม่มณี จะเข้าแจ้งความกับบก.ปอศ. ด้วยนั้น ยืนยันว่าช่วงเช้าได้รับการประสานผ่านทางพนักงานสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายในกลุ่มของแชร์มะนาวเดินทางมา ซึ่งหากมีการเดินทางมาแจ้งที่บก.ปอศ. ทางพนักงานสอบสวนก็จะรับเรื่องไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นอกจากการรับแจ้งความแล้ว ทางบก.ปอศ. ได้ตั้งกลุ่มไลน์ทั้งกลุ่มของมะนาว และแม่มณีขึ้น เพื่อรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดไว้ และสะดวกต่อการรายงานความคืบหน้าทางคดี อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเครือข่ายบ้านมะนาวมีความเยื่อมโยงแชร์แม่มณีหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด
พ.ต.อ.ภาดล เปิดเผยต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังได้รับแจ้งจากผู้เสียหายได้ทำหนังสือประสานไปทางสำนักงานปปง.เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของน.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือแม่มณี และนายเมธี ชิณภา เป็นที่เรียบร้อยแล้วคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้ ส่วนแม่มณีกับมะนาวจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้นต้องขอเวลาในการพิสูจน์ทราบ ซึ่งเส้นการเงินจะเป็นหลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ว่าทั้งสองเกี่ยวโยงกันอย่างไร จึงจะสามารถแยกแยะได้ว่า ทั้งสองร่วมขบวนการกันมีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือเป็นการลงทุนแชร์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มะนาวเพียงแค่อ้างแม่มณีหรือไม่ จะต้องทำการสืบทราบต่อไป
ผกก.5บก.ปอศ. เปิดเผยว่า ส่วนการติดตามจับกุมตัวน.ส.วันทนีย์และแฟนหนุ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ยังไม่ทราบเบาะแสแน่ชัด แต่ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปที่ต่างๆนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าทั้ง 2 คนน่าจะหลบหนีไปด้วยกัน และมั่นใจว่าน่าจะยังอยู่ภายในประเทศไทย เพราะจากหลักฐานที่พบยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังไม่ได้มีการประสานจะเข้ามอบตัว นอกจากนี้ได้ประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ ยังไม่มีรายงานว่าเดินทางออกนอกประเทศ และขอให้เข้มงวดเฝ้าระวังบุคคลทั้ง 2 ไว้แล้ว แต่หากหลบหนีออกทางช่องทางธรรมชาตินั้น ก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้
พ.ต.อ.ภาดล เปิดเผยว่า ส่วนการสืบทรัพย์ ขณะนี้ได้มีการบูรณการร่วมกับปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์ ต่อไป สำหรับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อสามารถนำหลักฐานการโอนเงิน และแชทข้อความสนทนา เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจในภูมิลำเนาของตนเองได้ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ ปอศ. โดยท้องที่จะส่งข้อมูลผู้เสียหายที่แจ้งความมารวมที่ปอศ. จากนั้นทางปอศ.จะเป็นผู้รวบรวมและดำเนินการ จนกว่าจะถึงวันศุกร์ ที่ 1 พ.ย. ว่าคดีจะถูกส่งให้กับดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยขั้นตอนจากนี้หากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ ทางบก.ปอศ.ก็พร้อมจะส่งสำนวนคดีไปให้ทางดีเอสไอ เพื่อรวบรวมเป็นสำนวนการสอบสวนเดียวกัน ซึ่งระหว่างนี้หากยังไม่มีการรับเป็นคดีพิเศษ ผู้เสียหายสามารถเดินทางมาแจ้งได้ที่บก.ปอศ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้เช่นกัน ในส่วนของการจับกุมหากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ หากตำรวจพบเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมก็สามารถจับกุมได้เช่นเดียวกัน