ไทม์ไลน์เคลื่อนพล “ธนาธร-อนาคตใหม่” สะสมมวลชน-สู้คดีหุ้นสื่อ
วันนี้จะได้รู้แล้วว่าชะตาของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเดินหน้าต่ออย่างไร ภายหลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด จะทำให้สถานะ ส.ส.สิ้นสุดลงขัดต่อตาม รธน.มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3)หรือไม่
เนื่องจากการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และสั่ง“ธนาธร”หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เมื่อวันที่ 23 พ.ค. โดยไต่สวนพยาน 10 ปาก ไปเมื่อ18 ต.ค.62 ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัย
แน่นอนว่าคำวินิจฉัยออกได้เพียง 2 หน้าเท่านั้น หาก “ธนาธร” ไม่ผิดก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ตามปกติ แต่หากชี้ขาดว่ามีความผิด “ธนาธร” ต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. แต่สถานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังคงอยู่
หลังจากนั้น กกต.จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาพิจารณาประกอบในการตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีทางอาญากับ “ธนาธร” หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ กกต.ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเปิดโอกาสให้ “ธนาธร-ผู้เกี่ยวข้อง” ได้ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานไปแล้ว
ทั้งนี้การดำเนินคดีอาญา กกต.จะต้องส่งคำร้องให้ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” เป็นผู้วินิจฉัยว่าการกระทำของ “ธนาธร” ว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
หากเห็นว่า “ธนาธร” รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ แล้วยังสมัครรับเลือกตั้ง จะต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี
“ธนาธร-อนาคตใหม่” รู้ว่าในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ โอกาสรอดมีน้อยมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงต้องออกมาเคลื่อนไหว เพื่อทำความเข้าใจกับ “แฟนคลับ” สร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนในสังคม ด้วยการจัดแถลงข่าวหลายเวที ตีไพ่สู้ขาดใจ หวังเตรียมสะสม “กำลังพล-มวลชน” เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ไทม์ไลน์ “ธนาธร-อนาคตใหม่” เคลื่อนเกมเริ่มตั้งแต่ วันที่ 15 พ.ย.2562 โดย“ธนาธร” ออกมาแถลงปิดคดีถือหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย โดยชี้แจงสาระสำคัญ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.บริษัทวี-ลัคมีเดีย ไม่มีผลิตภัณฑ์สื่อก่อนวันสมัคร ส.ส. 2.โอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2562 3.นิตยสารทั้ง 3 เล่ม ไม่ให้คุณและไม่ให้โทษกับนักการเมืองคนใด และ 4.กระบวนการพิจารณาคดีของ กกต.ไม่มีความเป็นธรรม
จากนั้นวันที่ 16 พ.ย.2562 พรรคอนาคตใหม่จัดแถลงข่าวใหญ่อีกครั้ง ภายใต้หัวข้อ “อยู่ไม่เป็น” พร้อมยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดล้มเจ้า และไม่ใช่พวกชังชาติ อย่างที่ถูกกล่าวหา
ต่อมาวันที่ 18 พ.ย.2562 “ธนาธร” แถลงข่าวส่งทนายฟ้องร้องเอาผิดกับ กกต.ยื่นศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหาประพฤติมิชอบ กรณียื่นฟ้องคดี “ธนาธร” ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยใช้อำนาจไต่สวนพยานรวบรัดมากเกินไป
อ่านข่าว-ชี้ชะตา 'ส.ส.ธนาธร' วันนี้ เกาะติดคำวินิจฉัยศาลรธน.
“ยุทธพร อิสรชัย” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ระบุว่า แม้พรรคอนาคตใหม่ จะออกมาปฏิเสธว่ากิจกรรมอยู่ไม่เป็น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกระดม หรือต้องการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ แต่คงปฏิเสธได้ยาก ถึงความเกี่ยวข้องกัน เพราะการจัดกิจกรรมเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
“การจัดกิจกรรมอยู่ไม่เป็น ถือเป็นการปรับยุทธศาสตร์การเมืองของพรรค ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ตาม ผมมองว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ เห็นได้จากการนำเสนอหลักคิด อุดมการณ์ทางความคิดของบ้านเมือง แนวทางการต่อสู้ของพรรค”
ขณะเดียวกัน เมื่อนำเสนอแนวคิดของพรรคแล้ว ก็จะต้องการชี้แจงให้เห็นแนวทางการทำงานของพรรค เพื่อตั้งคำถามกับสังคมที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายกรณี เช่น อุดมการณ์ของพรรคเป็นแนวคิดของกลุ่มคนชังชาติใช่หรือไม่ จุดนี้เองทำให้พรรคต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะปัจจุบันที่พรรคกำลังอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากบรรดาสมาชิกพรรค อดีตผู้สมัคร ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทยอยลาออก ฉะนั้นการออกมาชี้แจงครั้งนี้ จึงอาจต้องการรักษาสถานภาพของพรรคไว้
“สถานะของนายธนาธรในวันที่ 20 พ.ย. ประเมินได้ 2 แนวทาง หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก หากมีการยกคำร้อง การถือหุ้นสื่อไม่ผิด นายธนาธรจะเข้าไปทำงานในฐานะ ส.ส.ได้ การเคลื่อนไหวก็จะทำได้กว้างขวางมากขึ้น รวมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ก็จะมีกระแสความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง”
และในทางกลับกัน มีความเป็นไปได้ ถ้าผลการวินิจฉัยออกมาเป็นลบ ทำให้นายธนาธรหมดสมาชิกภาพ ส.ส.หรือถูกตัดสิทธิทางการเมือง นอกจากนั้น ยังมีผลทางการเมืองและกฎหมาย อาจนำไปสู่การยุบพรรคและตัดสิทธิ์ในการเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย หรือการดำเนินคดีอาญา ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาล และ กกต.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร"
“ส่วนผลทางการเมือง หากมีการยุบพรรค ส.ส.ของพรรคอาจมีปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง มีความเป็นไปได้สูง และต้องดูว่า แกนนำของพรรคจะรักษาสถานการณ์ได้หรือไม่ ถ้าทำได้อาจนำ ส.ส.ไปสังกัดพรรคที่จัดตั้งใหม่ หรืออาจจะนำไปสู่พรรคเดิมที่มีอยู่ ถ้าแกนนำรักษาสถานการณ์ไม่ได้ ก็จะทำให้ ส.ส.ไปสังกัดพรรคอื่นอย่างหลากหลาย ทำให้ดุลการเมืองมีความเปลี่ยนแปลง หากไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลพ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำอย่างชัดเจน”
หลังจากนี้ ต้องจับตาผลพวงของคดี “ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่” จะส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างไรบ้าง แม้ “รัฐบาล-ฝ่ายความมั่นคง” จะประเมินว่า การจัดการชุมนุมยังเป็นไปได้ยาก เพราะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา และเงื่อนไขของคดีเป็นความผิดส่วนตัว จึงยากต่อการปลุกระดม
แต่มีบางฝ่ายส่งสัญญาณเตือน “รัฐบาล-หน่วยงานความมั่นคง” อย่าประเมิน “แฟนคลับ-น้องฟ้า” ซึ่งแฝงตัวอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียต่ำเกินไป เพราะหากประเมินผิด มีโอกาสที่ “ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่” จะจุดกระแสติดได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่” พยายามที่จะจุดกระแส แม้ยังไม่เป็นผลสักเท่าไร แต่ไม่ควรประเมินต่ำ จนประมาทอย่างเด็ดขาด!