สภาล่างสหรัฐ ลงมติถอดถอน 'ทรัมป์' พ้นปธน.
ปธ.สภาผู้แทนฯสหรัฐ ชี้ "ทรัมป์" เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ ลงมติถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งใช้เวลา 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) จนถึงช่วงเช้าของวันนี้ (19 ธ.ค.) ตามเวลาไทย ในการอภิปรายญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใน 2 ข้อหา ได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส
ล่าสุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติข้อหาการใช้อำนาจในทางมิชอบของทรัมป์ ด้วยคะแนน 230-197 ส่วนข้อหาที่ 2 คือการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ลงมติด้วยคะแนน 229-198
หลังจากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นพ้องว่า ปธน.ทรัมป์ มีการใช้อำนาจในทางมิชอบและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส แล้ว ขั้นตอนต่อไป วุฒิสภาสหรัฐจะทำการไต่สวนปธน.ทรัมป์ในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ปธน.ทรัมป์ มีแนวโน้มรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในการลงมติในวุฒิสภา
ทั้งนี้ นางเพโลซี ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน ต.ค. หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดน เป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย
ก่อนหน้าการลงมติในสภาล่างในวันพุธ ปธน.ระดมทวีตข้อความวิจารณ์การสอบสวนข้อกล่าวหาที่มีต่อตน พร้อมยืนยันคำเดิมว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และว่าตนไม่กังวลกับการลงมติในครั้งนี้แต่อย่างใด
ตั้งแต่เดือนก.ย. กระบวนการไต่สวนขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการมุ่งเป้าส่วนใหญ่ไปที่เรื่องที่ทรัมป์ขอให้ประธานาธิบดียูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คืออดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งจดหมายถึง ส.ส. แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประท้วงเรื่องญัตติขอถอดถอนว่า กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เท่ากับความพยายามทำรัฐประหารโดยผิดกฏหมาย
รายละเอียดส่วนหนึ่งของจดหมายความยาว 6 หน้า กล่าวหาพรรคเดโมแครตว่าทำให้เกิดความวิปริต และบิดเบือนความยุติธรรม รวมทั้งใช้อำนาจในทางที่ผิด ในความพยายามถอดถอนตนออกจากตำแหน่ง
การผ่านญัตติขอถอดถอนทรัมป์ครั้งนี้ ทำให้ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สามในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ที่ถูกสภาล่างขอถอดถอน
โดยในประวัติศาสตร์ มีประธานาธิบดีถูกขอถอดถอนในสภาล่างมาแล้วสองครั้ง คืออดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ในช่วงกลางศตวรรษที่19 และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งทั้งคู่ถูกสภาล่างที่ทำหน้าที่คล้ายอัยการตั้งข้อหาเพื่อถอดถอน แต่วุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่คล้ายศาลลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหา
ส่วนผู้นำสหรัฐอีกคนหนึ่งซึ่งถูกกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนเช่นกัน คืออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แต่ได้ชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนที่กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์