'ธรรมนัส' ผุด 'หมอนยางประชารัฐ'

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.2562เตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพสามิต ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้อํานวยการสํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือการดำเนินจัดทำรายละเอียดโครงการ ผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ 30 ล้านใบ มูลค่า 18,000 ล้านบาท

"โครงการนี้ จะให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ดำเนินการผลิตเพื่อแจกให้กับประชาชนทั่วประเทศครัวเรือนละ 1 ใบ หากที่ประชุมเห็นชอบในรายละเอียดและวงเงินที่จะดำเนินการจะนำเสนอ คณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) เพื่ออนุมัติ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในต้นปี 2563 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้เกษตรกร"

สำหรับเงิน 18,000 ล้านบาท จะให้อ.ต.ก. กู้เงินจากธ.ก.ส. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ จำนวน 30 ล้านใบ เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

โดยเงิน 18,000 ล้านบาท จะขอครม.พิจารณาให้อ.ต.ก. ออกสลากการกุศลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ชาวสวนยางพารา เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 เป็นต้นไป เพื่อนำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายชำระหนี้เงินกู้ จำนวน 18,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ให้กับธ.ก.ส. จนครบจำนวนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด โดยให้ไปทำความตกลงในรายละเอียดการออกสลากการกุศล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารากับสำนักงานสลากฯและสำนักงานฯรัฐวิสาหกิจเพื่อให้ครม.ได้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ลงนามประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี2562/63

 โดยเกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตร มีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2562-31 พ.ค.2563 และต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วยตนเองและกรรมสิทธิ์เป็นของเกษตรกร มีระยะเวลาการใช้สิทธิ ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2562-31 ต.ค.2563โดยการคำนวณปริมาณผลผลิต 724 กิโลกรัม (กก.) ต่อไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่