เดือด! 'แม่ทัพ-รมต.อิหร่าน' เปิดศึกน้ำลาย 'ทรัมป์'
ผู้นำทหารและรมต.อิหร่าน โต้คารมผ่านทวิตเตอร์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยผู้บัญชาการกองทัพอิหร่านเย้ย สหรัฐไม่กล้าเริ่มต้นความขัดแย้ง หลังทรัมป์ขู่ทำลายเป้าหมาย 52 จุด รมต.อิหร่านรุมโต้ทรัมป์ “ผู้ก่อการร้ายใส่สูท”
สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่าน รายงานวานนี้ (5 ม.ค.) อ้างคำพูด พล.ต.อับโดลราฮิม มูซาวี ที่สงสัยว่าสหรัฐจะกล้าจุดชนวนความขัดแย้งตามที่ประธานาธิบดีขู่ว่าจะโจมตีอิหร่าน 52 จุดจริงหรือไม่ โดยก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เตือนเมื่อคืนวันเสาร์ (4 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า
รัฐบาลวอชิงตันกำลังระบุเป้าหมาย 52 แห่งในอิหร่าน และจะโจมตีอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง หากรัฐบาลเตหะรานโจมตีเจ้าหน้าที่หรือผลประโยชน์ของสหรัฐ เพื่อแก้แค้นที่นายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ หน่วยรบพิเศษในต่างแดนของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านถูกลอบสังหาร
ผู้นำสหรัฐระบุว่า เป้าหมายบางแห่งในจำนวนนี้ “มีความสำคัญอย่างมาก” ต่ออิหร่านและวัฒนธรรมของอิหร่าน พร้อมเตือนว่า “สหรัฐไม่ต้องการเจอการคุกคามมากกว่านี้!”
แต่ พล.ต.มูซาวี ไม่ได้สนใจคำขู่ มองว่าเป็นความพยายามเบี่ยงกระแสวิจารณ์จากชาวโลก ต่อการกระทำชั่วร้ายและอยุติธรรมของสหรัฐ
ด้านนายโมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทวีตข้อความตอบโต้นายทรัมป์ว่า การเลือกแหล่งวัฒนธรรมอิหร่านเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายโจมตีของสหรัฐถือเป็น “อาชญากรรมสงคราม” เช่นเดียวกับนายโมฮัมหมัด จาวาด อาซารี จาห์โรมี รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและโทรคมนาคม ทวีตข้อความโต้
“ก็เหมือนกับไอซิส ฮิตเลอร์ เจงกิส พวกเขาล้วนเกลียดชังวัฒนธรรม ทรัมป์คือผู้ก่อการร้ายใส่สูทเขาจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในเร็ว ๆ นี้ว่า ไม่มีใครสามารถเอาชนะ ‘ประเทศอิหร่านและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ได้”
ส่วนร่างไร้วิญญาณของนายพลโซไลมานีที่ถูกปลิดชีพในอิรักมาถึงสนามบินในเมืองอัชวาซทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านแล้วเมื่อก่อนรุ่งสางวานนี้ (5 ม.ค.) ประชาชนผู้โศกเศร้าจำนวนมากหลั่งไหลกันมาแสดงความอาลัย พร้อมตะโกนก้อง “อเมริกาต้องตาย” ด้วยความคั่งแค้น
สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านถ่ายทอดสดขบวนพิธี ประชาชนหลายพันคนสวมชุดดำ บ้างถือภาพถ่ายนายพลคนดัง รวมตัวกันที่จัตุรัสมอลลาวี รายงานข่าวระบุ ผู้คนมหาศาลทุกวัย ทุกกลุ่มมาร่วมพิธีอันยิ่งใหญ่
ในกรุงเตหะราน สมาชิกสภาร้องตะโกน “อเมริกาต้องตาย” อยู่ครู่หนึ่งระหว่างการประชุมสภาปกติ นายอาลี ลาริจานี ประธานสภา ประกาศกร้าว “ทรัมป์ นี่คือเสียงของชาติอิหร่าน จงฟัง”
ทั้งนี้ ศพของนายพลโซไลมานีและชาวอิหร่านอีก 5 คน ซึ่งเป็นทหารกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านทั้งหมดถูกขนส่งต่อไปยังกรุงเตหะรานช่วงเย็นวันอาทิตย์
ในวันนี้ (6 ม.ค.) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านจะทำพิธีสวดขอพรให้กับร่างของนายพลโซไลมานี ที่มหาวิทยาลัยเตหะราน ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังจัตุรัสอาซาดี จากนั้นจึงนำร่างไปเมืองศักดิ์สิทธิ์ “กอม” เพื่อประกอบพิธีที่สุสานมาซุเมห์ ก่อนนำไปฝังที่บ้านเกิดในเมืองเคอร์มาน วันอังคาร (7 ม.ค.)
ที่อิรักนัยแห่งการตอบโต้สหรัฐเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วเมื่อวันเสาร์ มีรายงานเหตุการณ์ยิงปืนใหญ่อย่างน้อย 2 นัด โจมตีพื้นที่ใกล้กับสถานทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สถานทูตแห่งนี้ปิดอย่างไม่มีกำหนดนับตั้งแต่เหตุประท้วงต่อต้านปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐต่อกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ในอิรักและซีเรีย เมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน
ในวันเดียวกันยังมีการยิงจรวดอีกอย่างน้อย 2 ลูก โจมตีฐานทัพอัล บาลัด ชานกรุงแบกแดด ซึ่งมีทหารอเมริกันประจำการอยู่ด้วย หลังเกิดเหตุยังไม่มีบุคคลหรือกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ
นอกจากนี้ยังมีการโจมตีที่น่าจะเป็นการตอบโต้อีกอย่างหนึ่ง กลุ่มแฮกเกอร์อ้างว่ามาจากอิหร่านเจาะข้อมูลเว็บไซต์โครงการห้องสมุดรัฐบาลกลางสหรัฐที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก พร้อมขู่ว่าจะโจมตีไซเบอร์อีก โดยหน้าเว็บขึ้นข้อความ “แฮกเกอร์อิหร่าน” พร้อมภาพคาเมเนอีและธงชาติอิหร่านรวมถึงภาพนายทรัมป์ถูกชกหน้าเลือดกบปาก โดยมีภาพขีปนาวุธประกอบข้างๆ แฮกเกอร์ขู่ด้วยว่านี่แค่ความสามารถด้านไซเบอร์เล็กๆ น้อยๆ ของอิหร่านเท่านั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่นกรุงแบกแดด สภาอิรักที่มีสมาชิก 329 คน เรียกประชุมโดยไม่เปิดเผยวาระ ส.ส.หลายคนพยายามผลักดันให้มีการลงมติเรื่องการดำรงอยู่ของกองกำลังต่างชาติ
นายอาหมัด อัล คินานี ส.ส.จากพรรคฟาตาห์ ระบุ “ให้ ส.ส.เลือกเอาระหว่างลงมติให้ทหารต่างชาติผู้ยึดครองออกไป หรือว่าเรายังคงยอมจำนวนปล่อยให้เขาปล้นเจตจำนงค์และศักดิ์ศรี ถ้า ส.ส.งดออกเสียงไม่โหวตให้ผู้ยึดครองออกไปก็เท่ากับทรยศชาติ”
ทหารอเมริกันในอิรักหลายนายเผยก่อน ส.ส.ประชุมว่า พวกเขารู้สึกกลัวและวิตกกังวล ด้วยความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นนี่เอง องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ต้องระงับการฝึกฝนในอิรัก ทหารอเมริกันนายหนึ่งเผยด้วยว่า กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐปฏิบัติการแบบจำกัด
“ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของกองกำลังพันธมิตรเป็นอันดับหนึ่ง การลาดตระเวนเปลี่ยนจากจับตายเครือข่ายนักรบญิฮัดที่กำลังกบดาน เป็นตรวจสอบการยิงจรวดโจมตี”
นายทอม วอร์ริก อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐ ปัจจุบันเป็นนักวิจัยที่สภาแอตแลนติกกล่าวว่า นายพลโซไลมานี ใช้พันธมิตรในอิรักพยายามผลักดันให้ทหารสหรัฐออกไป “หากสหรัฐถอนทหารไปจริง เท่ากับยอมรับชัยชนะหลังความตายของโซไลมานี”