'ปิยบุตร' ยัน! ไม่ยุ่งพรรคใหม่ หาก อนค. ถูกยุบ
"ปิยบุตร แสงกนกกุล" เปิดใจทีมข่าวเนชั่น ถึงแผนรับมือหาก "อนาคตใหม่ถูกยุบพรรค" โดยหากยุบจริง ตนและธนาธรจะไม่เข้าไปยุ่งกับพรรคใหม่ พร้อมเตือนให้ระวังการปะทะกันระหว่างเจนเนอเรชั่น
สำหรับ ตนเอง และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคนั้น หากพรรคถูกยุบและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคใหม่อีก โดยจะให้แกนนำแถว 2 ทำพรรคต่อไป และเดินหน้าทำงานในสภาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรคยังมีบุคลากรพร้อม เพราะหากเข้าไปยุ่งเกี่ยว อาจมีคนไปยื่นยุบพรรคใหม่ซ้ำอีก ในข้อหาครอบงำพรรคการเมือง
สำหรับบทบาทของตนและนายธนาธร ก็จะเดินหน้าทำงานการเมืองนอกสภา อาจจะทำในรูปมูลนิธิ และเคลื่อนไหวรณรงค์ในเชิงประเด็น โดยไม่ได้มีเป้าหมายล้มล้าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาล โดยประเด็นที่จะเคลื่อนไหวมีมาก ที่คิดไว้ก็ 4-5 ประเด็น ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ การยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยการบังคับ การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และการยกเลิกการผูกขาดโดยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ซึ่งจะเริ่มจากธุรกิจน้ำเมานำร่องก่อน
นายปิยบุตร ยังมองว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาไม่ได้มีเจตนาล้มรัฐบาล รวมถึงการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ หรือ “วิ่งไล่ลุง” ด้วย และคิดว่าปรากฏการณ์การชุมนุมขนาดใหญ่คงไม่เกิดในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นกับรัฐบาลด้วย เพราะเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้น อยู่ที่รัฐบาลทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาเศรษฐกิจ และการกระทำสองมาตรฐาน หรือเลือกปฏิบัติ ฝ่ายหนึ่งโดนตลอด อีกฝ่ายไม่เคยโดนอะไรเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ประชาชนทั่วไปรู้และสัมผัสได้
นายปิยบุตร ยังบอกด้วยว่า ไม่อยากให้ใช้การยุบพรรคเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกำจัดพวกตน เพราะสิ่งที่พวกตนทำ คือการตั้งพรรคอนาคตใหม่ นำ ส.ส.คนรุ่นใหม่เข้าสภา และการพยายามทำการเมืองแบบใหม่ อภิปรายแบบมีสาระ มีข้อมูล เหล่านี้ไม่ใช่หรือที่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรวมทั้งสื่อมวลชนเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ถึงกับยอมให้ คสช.ทำรัฐประหารก่อน เพื่อให้เกิดการปฏิรูป แต่วันนี้พวกตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้บริหารบ้านเมือง ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลแม้สัก 1 สมัย กลับมายุบพรรค ซึ่งด้านหนึ่งก็อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้นนั่นเอง
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังย้อนอดีตยุคที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นรัฐบาล มีการออกนโยบาย 66/23 ดึงนิสิตนักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่เห็นต่างและหนีเข้าป่าให้ออกจากป่ามาร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง และใช้กลไกของสภาดึงคนเหล่านี้เข้ามา ซึ่งในยุครัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็สานต่อด้วยการตั้งทีมที่ปรึกษา “บ้านพิษณุโลก” ถือเป็นความสำเร็จในการดึงคนที่คิดต่าง หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานสร้างการเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมือง จึงอยากฝากไปยัง พลเอกประยุทธ์ ให้คิดในมุมเหล่านี้บ้าง
แต่หากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองยังคิดแบบเก่า มองคนรุ่นใหม่หรือคนที่คิดต่างเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นพวกชังชาติ ใช้มุมมองในยุคสงครามเย็น ก็ย่อมเป็นการเสียโอกาส และหากยิ่งผลักให้คนที่คิดเห็นแตกต่างไม่มีเวทีในสภา ก็ต้องไปเคลื่อนไหวนอกสภา ถ้ามีเงื่อนไขบางอย่างเกิดขึ้น อาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Crash generation หรือการปะทะกันระหว่างคนต่างเจนเนอเรชั่นได้ ซึ่งไม่รู้จะไปจบลงตรงจุดไหน
นายปิยบุตร ย้ำด้วยว่า ตนและนายธนาธร รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ ยึดมั่นในระบอบรัฐสภา ต้องการทำงานการเมืองในสภา จึงตั้งพรรคการเมืองและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ฉะนั้นจึงขอให้เชื่อใจ และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม หากทำในระบบรัฐสภา จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงน้อยที่สุด จึงอยากขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจได้พิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
เมื่อถามว่าพร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้มีอำนาจหรือไม่ และอยากคุยกับใครมากที่สุด นายปิยบุตร ตอบว่า พร้อมคุยกับทุกคน ใครก็ได้ และมีคนเคยเสนอให้พูดคุยกับ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกซึ่งตนก็พร้อม แต่ไม่ทราบว่า ผบ.ทบ.อยากคุยกับตนหรือไม่